• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

5 ปัญหาสุขภาพจิตคุกคามชีวิตวัยทำงาน

Started by gkwork, February 26, 2023, 03:47:11 PM

Previous topic - Next topic

gkwork



ในตอนวัยที่จะต้องรับศึกหนักจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับสังคมรอบด้าน อีกทั้งแรงกดดันจากหน้าที่การงานอันหนัก สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ลดน้อย แล้วก็ภาพลักษณ์ที่การเปรียบเทียบจากสังคม หลอมรวมคือปัญหาด้านของสุขภาพที่พร้อมจะรัวหมัดเข้าใส่ไม่ยั้ง ไม่เพียงแต่ทางด้านร่างกาย แต่ว่าจิตใจที่เคลื่อนความนึกคิดและก็ความรู้สึกด้านในก็สามารถป่วยไข้ได้เหมือนกัน ปัจจุบันนี้มีคนประเทศไทยจำนวนมากพบเห็นกับวังวนที่ความเคร่งเครียดจนถึงสะสมคือปัญหาสุขภาพทางจิตที่ทรุดโทรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยทำงานอย่างมนุษย์สำนักงานทั้งหลายแหล่ ซึ่งปัญหาด้านสุขภาพจิตที่คนทำงานในออฟฟิศบางทีอาจจำต้องพบเจอนั้น มีอะไรบ้างที่คนที่ทำงานภายในออฟฟิศวัยทำงานและก็เพื่อนฝูงร่วมที่ทำงานพึงสังเกต พวกเราได้เก็บรวบรวมข้อมูลมาฝากไว้ตรงนี้แล้ว

5 ปัญหาเกี่ยวกับ สุขภาพจิต ที่คนทำงานออฟฟิศต้องระวัง
1. เครียดสะสม
การใช้ชีวิตบนความเคร่งเครียด แรงกดดัน รวมทั้งมีความคาดหมายสูง 5-6 วันต่ออาทิตย์ มักเป็นต้นเหตุของอาการเครียดสะสม หนึ่งในปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่หลายท่านเป็นแต่ว่าไม่รู้ตัว กล่าวได้ว่ารู้สึกตัวอีกครั้งก็บางทีอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานแล้วก็คนที่อยู่รอบข้างไปแล้ว พินิจได้จากความประพฤติปฏิบัติที่แปรไปทั้งยังด้านอารมณ์แล้วก็การใช้ชีวิต ดังเช่น นอนไม่หลับ ตื่นช่วงดึก นิ่งเฉย หมดอาลัยตายอยาก กลัดกลุ้ม ควาพึงพอใจทางเพศต่ำลง ฯลฯ ซึ่งแม้ปล่อยทิ้งเอาไว้บางทีอาจเปลี่ยนเป็นสภาวะอันตรายที่นำมาซึ่งการเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางกายตามมาได้ ทั้งยังหัวใจ ความดันเลือด ไมเกรน เครียดลงกระเพาะ รวมทั้งอื่นๆได้

จัดแจงความตึงเครียด (ก่อน) สะสม ด้วยการวิเคราะห์ถึงตัวปัญหาแล้วก็แก้ปัญหาที่สาเหตุนั้นๆตระเตรียมสภาพแวดล้อมรอบกายให้มองมีชีวิตชีวา ด้วยการเปลี่ยนแปลงมุมโต๊ะทำงานใหม่ลดความจำเจ รวมทั้งบรรเทาตนเองด้วยการออกไปพบปะสนทนาผู้คน ท่องเที่ยว ชอปปิง หรือแนวทางซึ่งสามารถทำเป็นง่ายด้วยการออกไปเดินสูดอากาศที่สวนสาธารณะก็ช่วยทำให้บรรเทาได้ดิบได้ดีเพิ่มขึ้น แม้กระนั้นถ้าเกิดมีความคิดว่าไม่อาจจะจัดแจงกับความเคร่งเครียดด้วยตัวเองได้ หรือเครียดมากมายจนถึงไม่ไหวชี้แนะให้หารือจิตแพทย์ หรือนักบรรเทา คุยเพื่อหาวิธีแก้ไขแนวทางอื่นๆแทน หรือกินยาที่ช่วยทำให้บรรเทาเพิ่มมากขึ้น

2. สภาวะหมดไฟสำหรับเพื่อการดำเนินการ (Burnout Syndrome)
บางทีอาจพูดได้ว่าคือปัญหาสุขภาพด้านจิตที่กำลังเดินทางมาแรงในกรุ๊ปบุคลากรสำนักงาน เป็นสภาวะความเคลื่อนไหวทางจิตใจอันมีที่มาจากความตึงเครียดสะสม ตอนนี้ได้รับการขึ้นบัญชีจากองค์การอนามัยโลก (WHO) แล้วว่าเป็นโรคซึ่งสามารถมีผลร้ายแรงรวมทั้งรุกรามการดำนงชีพได้ถ้ามิได้รับการดูแลอย่างถูกแนวทางจากหมอผู้ที่มีความชำนาญ โดยปัจจัยมักมีต้นเหตุจากความเคร่งเครียดเรื้อรังสำหรับในการปฏิบัติงาน ภาระหน้าที่งานที่หนักสลับซับซ้อนเกินกว่าที่จะรับผิดชอบได้ไหว บ่อนทำลายจิตใจจนกระทั่งเปลี่ยนภาวะเป็นความหมดไฟท้ายที่สุด ความอ่อนเพลียล้าทางอารมณ์นำมาซึ่งการทำให้มุมมองที่มีต่อการดำเนินการเป็นไปในด้านลบ ขาดความสำราญ ไม่มีแรงดึงดูดใจไม่ต้องการลุกไปออฟฟิตในรุ่งเช้า แล้วก็อาจจะเป็นผลให้ความสามารถสำหรับในการดำเนินงานลดลง ซึ่งถ้าหากปลดปล่อยให้นานวันเข้าอาจมีแนวโน้มร้ายแรงขึ้นและก็เสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคซึมเซาได้

จัดการกับสภาวะหมดไฟได้อย่างกล้าหาญ เพียงแต่รับทราบว่าร่างกายและจิตใจของตนกำลังไปสู่ภาวการณ์ความเบื่อจากการทำงานได้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าสยดสยองอีกต่อไป ด้วยการเปิดใจกับคนที่อยู่รอบข้าง ขอคำแนะนำเพื่อนผู้ร่วมการทำงาน หรือหัวหน้าถึงปัญหาที่จำเป็นต้องแบกรับไว้ สารภาพในความแตกต่าง ฟังความเห็นที่บางทีอาจมีความขัดแย้ง ปล่อยวางในเรื่องที่นอกจากการควบคุม ฟื้นฟูปรับปรุงก่อนที่จะสายได้ด้วยตัวเองโดยการไม่ตรวจงานกลับไปทำที่บ้าน แยกเวลาส่วนตัวรวมทั้งงานออกมาจากกันให้กระจ่าง

3. สภาวะความชอบใจในตัวเองต่ำ (Low self esteem)
ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่คนที่ทำงานภายในออฟฟิศใครหลายๆคนไม่รู้สึกตัวว่ากำลังพบเจอภาวการณ์นี้อยู่ โน่นเป็น ความรู้สึกหม่นหมอง เกลียดชังสิ่งที่ตัวเราเองได้ตกลงใจทำลงไปแล้วมากมายเสียกระทั่งมีความคิดว่าตนเองไร้ค่า สูญเสียความรู้สึกให้เกียรติตนเอง แบกรับปัญหาและก็ใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นผลมาจากตนเองไม่ดีพอเพียง แปลความหมายสถานะการณ์ต่างๆในทางลบเสมอ เป็นภาวการณ์เสี่ยงมากมายที่จะก้าวผ่านสู่โรคเศร้าหมอง สัญญาณเตือนที่เห็นได้ชัดเจนสำหรับผู้กำลังพบเจอวิกฤติ Low self esteem เป็นความหวั่นไหวไปกับเรื่องเล็กน้อยได้ง่าย ตื่นตระหนก ไปจนกระทั่งกลัวการเข้าสังคมเพราะเหตุว่ากลัวที่จำเป็นต้องถูกไม่ยอมรับ ช่วงเวลาเดียวกันก็ไม่กล้าไม่ยอมรับคำร้องขอของคนอื่นเหตุเพราะกลัวไม่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งอาการพวกนี้มีสาเหตุจากการขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่นรวมทั้งเชื่อถือในตัวเองที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน

สร้าง self esteem ด้วยตัวเองได้ก่อนที่จะความมั่นใจทางจิตใจจะหายไป โดยเริ่มจากการยกโทษตัวเองในข้อผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องจิ๊บจ๊อยหรือเรื่องสำคัญขอให้บอกตนเองว่ามันได้ผ่านไปแล้ว บอกขอบคุณมากแล้วก็ให้คำยกยอกับตนเองในทุกการบรรลุผลถึงแม้เกิดเรื่องเพียงนิดหน่อย จะดีขึ้นถ้าได้แรงเกื้อหนุนจากคนที่อยู่รอบข้าง ซึ่งสามารถมอบพลังบวกและก็ความสุขใจให้ได้ เห็นด้วยว่าความเสร็จของแต่ละคนสื่อความหมายแตกต่างกัน หยุดเอาตนเองไปเทียบกับคนอื่น ความสบายก็จะเกิดขึ้นได้ในหัวใจพวกเราเอง

4. โรคกลัดกลุ้ม (Depression)
เป็นการเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างหนึ่งเหมือนกันกับโรคทางกายประเภทอื่นๆการเป็นโรคเศร้าใจมิได้แปลว่าเป็นคนไม่แข็งแรง หรือไร้ความรู้ความเข้าใจ แต่ว่ามีสาเหตุจากความไม่พอดีของสารสื่อประสาทในสมอง ที่ทำให้เกิดผลเสียโดยรวมต่ออารมณ์ ความรู้สึก ความประพฤติปฏิบัติ ไปจนกระทั่งสุขภาพทางกาย ซึ่งจากสถิติพบว่าคนประเทศไทยแก่กว่า 15 ปี มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องทางจิต มีอาการป่วยเป็นโรคเซื่องซึมสูงขึ้นยิ่งกว่า 1.5 ล้านคน เพราะว่านอกเหนือจากสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่มาพร้อมความเคร่งเครียดจากงานที่กองล้นโต๊ะ แรงกดดันจากการทำงานที่สะสางได้ยาก สภาพสังคม กรรมพันธุ์ แล้วก็สภาพแวดล้อม ล้วนมีส่วนสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดภาวการณ์กลัดกลุ้มด้วย พวกเราสามารถตรวจตนเองและก็คนที่อยู่รอบข้างว่าอยู่ในข่ายโรคเหงาหงอยไหม ด้วยอาการซึม เศร้าใจ หม่นหมอง เก็บตัว รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่เคยทำให้เป็นสุข ซึ่งบางทีอาจร้ายแรงไปจนกระทั่งขั้นคิดสั้น หรือทำข้อสอบสภาวะเหงาหงอย เพื่อประเมินสุขภาพเกี่ยวกับจิตของตนเองพื้นฐาน


5. กรุ๊ปโรคไม่สบายใจแล้วก็แพนิค (Panic Disorder)
เป็นโรคไม่สบายใจประเภทหนึ่ง มีต้นเหตุที่เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติที่รอควบคุมส่วนต่างๆของร่างกายดำเนินการไม่ปกติ รวมทั้งมีความตึงเครียดและก็แรงกดดันเข้ามาเป็นเครื่องกระตุ้น มักออกอาการได้หลายประเภทด้วยกัน อาทิเช่น หัวใจเต้นแรง ใจสั่น เหงื่อไหลมากมาย หายใจแรง อ้วก ตาลายแบบกะทันหัน ตัวชา กักคุมเองมิได้ ไปจนกระทั่งการกลัวสิ่งรอบข้างจนถึงมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาด้านสุขภาพจิตที่รุกรามชีวิตของคนที่กำลังอยู่ในช่วงที่ต้องสร้างเนื้อสร้างตัวไม่มากมายก็น้อย

โรคไม่สบายใจสามารถรักษาได้ด้วยการกินยาเพื่อปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง พร้อมกันไปกับการฝึกหัดหายใจเพื่อคุมอารมณ์ รู้ทันความรู้สึกไม่สบายใจในใจที่เกิดขึ้น หากแม้อาการด้านนอกจะมองปลอดภัยรุนแรง แต่ว่าแม้อยู่ในกรุ๊ปเสี่ยงเป็นโรคกังวลแล้วควรจะขอคำแนะนำสุขภาพที่เกิดขึ้นกับจิตกับจิตแพทย์ เพื่อเข้ารับการดูแลและรักษาที่ถูก เหตุเพราะอาการโรคคล้ายกับปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆที่บางทีอาจมีผลรุนแรงมากยิ่งกว่า อาทิเช่น โรคความดันเลือดสูง หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบหัวใจ


อย่าทำให้ปัญหาด้านสุขภาพจิตอย่างโรคเศร้าหมองรุกรามชีวิตจนถึงเกินปรับแต่ง พวกเราสามารถไกลห่างโรคซึมเซาได้ด้วยการคลายอารมณ์ความเครียดจากงาน ฝึกหัดให้ตัวเองคิดบวกมองโลกแง่บวก แบ่งเวลาออกไปดำเนินงานอดิเรกที่ถูกใจ รวมทั้งบริหารร่างกายรวมทั้งพักให้พอเพียง แม้กระนั้นถ้าหากอยู่ในกรุ๊ปเสี่ยงแล้วสามารถจัดการสภาวะเหงาหงอยด้วยการปรึกษาหารือและขอคำแนะนำจิตแพทย์ เพื่อพินิจพิจารณาและก็หาวิถีทางรักษาอย่างถูกแนวทาง รวมทั้งเมื่อได้โอกาสได้สนิทสนมกับคนป่วยโรคกลัดกลุ้ม การเป็นคนฟังที่ดีจะช่วยทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกบรรเทาได้มากขึ้น

ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตคือปัญหาซึ่งสามารถกำเนิดได้กับทุกเพศ ทุกอาชีพ และก็ทุกวัย เมื่อรู้สึกไม่ไหวบอก "ไม่ไหว" ไม่ต้องไปฝืนใจ เพราะว่าโน่นบางทีอาจเป็นการปกปิดปัญหาแล้วก็รังแกตนเองมากมายไปกว่าเดิม ไม่เพียงแค่คนที่ทำงานภายในออฟฟิศแค่นั้น การรับทราบตนเอง รู้เรื่องภาวการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นฐาน ก็สามารถทำให้พวกเรารู้ทันแล้วก็เตรียมความพร้อมต่อกรกับสุขภาพทางจิตที่เปลี่ยนได้อย่างถูกทาง เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพร่างกายจิตให้เข้มแข็ง ร่วมกับสุขภาพที่เกี่ยวข้องทางร่างกายที่แข็งแรง มองดูสหายร่วมสำนักงานด้วยความรู้ความเข้าใจ ให้กำลังใจซึ่งกันและกันเมื่อได้โอกาส เปิดโอกาสตนเองได้จุดโฟกัสชีวิตในมุมมองที่แฮปปี้กันเหอะ

ถ้ารู้สึกตัวว่าภาวการณ์เครียดเริ่มรุกรามจิตใจ หรือกำลังมีปัญหาด้านของสุขภาพจิต สามารถติดต่อศูนย์บริการเฉพาะทางเพื่อขอคำแนะนำจากจิตแพทย์ผู้ชำนาญ และก็รับการดูแลและรักษาอย่างถูกแนวทางถัดไป

ศูนย์สุขภาพดวงใจ ชั้น 18 โรงหมอหลุดพ้น
เวลา 08.00-17.00 น. หรือโทร 02-079-0078
หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายหมอ หรือบริการขอคำแนะนำแพทย์ออนไลน์