• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - damonshoppu

#221


ในส่วนของการขจัดคราบบนพื้นนั้นแต่ละประเภทก็มีวิธีการที่ต่างกันออกไป และหากใครที่ใช้พื้นลามิเนตอยากได้การทำความสะอาด การขจัดคราบอย่างเหมาะสม ถูกวิธี เรารวบรวมมาแนะนำอย่างเจาะลึก รับรองว่าจะได้พื้นสวยสะอาดเหมือนเดิมแน่นอน ซึ่งวิธีการจะทำอย่างไรนั้นไปดูกันได้เลย

การขจัดคราบสกปรกบนพื้นลามิเนตที่เหมาะสม ถูกวิธี

1. ขจัดคราบหมากฝรั่งด้วยมีดพลาสติก

อย่างแรกก็คือการจัดการคราบหมากฝรั่งที่ออกได้อย่างหมดจด คือการนำเอามีดพลาสติกมาขูด ๆ ออก และหากหลงเหลืออยู่ก็ให้เอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดพื้นผิวได้เลย ห้ามใช้มีดที่เป็นโลหะเด็ดขาด เพราะความเป็นโลหะจะคมมากเกิน เกิดรอยขีดข่วนที่พื้นได้ง่ายมาก

2. ขจัดคราบครีมขัดรองเท้า น้ำยาทาเล็บ ดินน้ำมัน

ต่อมาคือการขจัดคราบครีมขัดรองเท้า น้ำยาทาเล็บ ดินน้ำมันที่นอกจากจะมีบนพื้นแล้ว ที่ตัวจบขอบประตูก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ วิธีการขจัดคราบเหล่านี้ให้เอาน้ำยาล้างเล็บที่มีอะซิโตนเป็นส่วนผสมมาหยดไปที่ผ้าไมโครไฟเบอร์เล็กน้อย แล้วเช็ดคราบต่าง ๆ ให้หลุดออก จากนั้นก็เอาผ้าไมโครไฟเบอร์ไปชุบน้ำมาเช็ดซ้ำ

3. ขจัดคราบเลือดด้วยน้ำยาเช็ดกระจก

ต่อมาก็คือการขจัดคราบเลือดโดยให้ใช้เป็นน้ำยาเช็ดกระจกมาจัดการ โดยเลือกฉีดพ้นไปบริเวณที่มีคราบเลือดแล้วเช็ดออกเลยทันที จากนั้นก็เอาผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาด ๆ มาเช็ดซ้ำ ผ้าที่ใช้แนะนำเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์ และยิ่งเช็ดทำความสะอาดเร็วเท่าไหร่คราบก็ออกง่ายมากเท่านั้น

4. ขจัดคราบไขมันด้วยน้ำแข็ง

หากที่พื้นชนิดนี้ หรือตัวจบเก็บขอบต่าง ๆ เกิดเป็นคราบไขมันขึ้นมาให้เอาถุงประคบเย็น หรือถุงแช่แข็งมาวางไว้ที่บริเวณคราบไขมันได้เลย จนกว่าคราบจะแข็งตัว และค่อยเอามีดพลาสติกมาขูดออก จากนั้นก็ฉีดพ่นน้ำยาเช็ดกระจกลงที่คราบแล้วเอาผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดซ้ำ

5. ขจัดไวน์ สีเทียน โซดา หรือหมึก

ด้วยการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์มาชุบน้ำแล้วบิดหมาดได้เลย และหากเป็นคราบสีเทียนควรใช้เป็นน้ำมันก๊าดเทลงพื้นก่อน หากเป็นคราบหมึกติดแน่นให้ใช้เป็นน้ำยาล้างจาน หรือน้ำยาลบหมึกมาหยดที่ผ้าเล็กน้อย พร้อมเช็ดทำความสะอาดได้เลยหมดจด

จะเห็นได้เลยว่าการทำความสะอาดขจัดคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ของพื้นลามิเนตไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแต่เราต้องเข้าใจในคราบสิ่งสกปรกที่มี และใช้สิ่งที่ตอบโจทย์มาจัดการทำความสะอาด ก็ช่วยให้คราบหาย พื้นสะอาดมากขึ้น ได้พื้นกลับมาเหมือนใหม่ง่าย ๆ
#222


ในส่วนของการขจัดคราบบนพื้นนั้นแต่ละประเภทก็มีวิธีการที่ต่างกันออกไป และหากใครที่ใช้พื้นลามิเนตอยากได้การทำความสะอาด การขจัดคราบอย่างเหมาะสม ถูกวิธี เรารวบรวมมาแนะนำอย่างเจาะลึก รับรองว่าจะได้พื้นสวยสะอาดเหมือนเดิมแน่นอน ซึ่งวิธีการจะทำอย่างไรนั้นไปดูกันได้เลย

การขจัดคราบสกปรกบนพื้นลามิเนตที่เหมาะสม ถูกวิธี

1. ขจัดคราบหมากฝรั่งด้วยมีดพลาสติก

อย่างแรกก็คือการจัดการคราบหมากฝรั่งที่ออกได้อย่างหมดจด คือการนำเอามีดพลาสติกมาขูด ๆ ออก และหากหลงเหลืออยู่ก็ให้เอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดพื้นผิวได้เลย ห้ามใช้มีดที่เป็นโลหะเด็ดขาด เพราะความเป็นโลหะจะคมมากเกิน เกิดรอยขีดข่วนที่พื้นได้ง่ายมาก

2. ขจัดคราบครีมขัดรองเท้า น้ำยาทาเล็บ ดินน้ำมัน

ต่อมาคือการขจัดคราบครีมขัดรองเท้า น้ำยาทาเล็บ ดินน้ำมันที่นอกจากจะมีบนพื้นแล้ว ที่ตัวจบขอบประตูก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ วิธีการขจัดคราบเหล่านี้ให้เอาน้ำยาล้างเล็บที่มีอะซิโตนเป็นส่วนผสมมาหยดไปที่ผ้าไมโครไฟเบอร์เล็กน้อย แล้วเช็ดคราบต่าง ๆ ให้หลุดออก จากนั้นก็เอาผ้าไมโครไฟเบอร์ไปชุบน้ำมาเช็ดซ้ำ

3. ขจัดคราบเลือดด้วยน้ำยาเช็ดกระจก

ต่อมาก็คือการขจัดคราบเลือดโดยให้ใช้เป็นน้ำยาเช็ดกระจกมาจัดการ โดยเลือกฉีดพ้นไปบริเวณที่มีคราบเลือดแล้วเช็ดออกเลยทันที จากนั้นก็เอาผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาด ๆ มาเช็ดซ้ำ ผ้าที่ใช้แนะนำเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์ และยิ่งเช็ดทำความสะอาดเร็วเท่าไหร่คราบก็ออกง่ายมากเท่านั้น

4. ขจัดคราบไขมันด้วยน้ำแข็ง

หากที่พื้นชนิดนี้ หรือตัวจบเก็บขอบต่าง ๆ เกิดเป็นคราบไขมันขึ้นมาให้เอาถุงประคบเย็น หรือถุงแช่แข็งมาวางไว้ที่บริเวณคราบไขมันได้เลย จนกว่าคราบจะแข็งตัว และค่อยเอามีดพลาสติกมาขูดออก จากนั้นก็ฉีดพ่นน้ำยาเช็ดกระจกลงที่คราบแล้วเอาผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดซ้ำ

5. ขจัดไวน์ สีเทียน โซดา หรือหมึก

ด้วยการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์มาชุบน้ำแล้วบิดหมาดได้เลย และหากเป็นคราบสีเทียนควรใช้เป็นน้ำมันก๊าดเทลงพื้นก่อน หากเป็นคราบหมึกติดแน่นให้ใช้เป็นน้ำยาล้างจาน หรือน้ำยาลบหมึกมาหยดที่ผ้าเล็กน้อย พร้อมเช็ดทำความสะอาดได้เลยหมดจด

จะเห็นได้เลยว่าการทำความสะอาดขจัดคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ของพื้นลามิเนตไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแต่เราต้องเข้าใจในคราบสิ่งสกปรกที่มี และใช้สิ่งที่ตอบโจทย์มาจัดการทำความสะอาด ก็ช่วยให้คราบหาย พื้นสะอาดมากขึ้น ได้พื้นกลับมาเหมือนใหม่ง่าย ๆ
#223


หากจะเอ่ยถึงวัสดุหลักที่ใช้ทำฝ้าเพดาน ฝาผนังต่าง ๆ แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิปซั่มแผ่น (Gypsum) – สมาร์ทบอร์ดมักถูกนึกถึงมากที่สุด แต่ถึงแม้ทั้งคู่จะดูคล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วก็มีความต่างที่หลากหลายแง่มุมการนำไปใช้มาก และหากคุณจำเป็นจะต้องใช้งานทั้ง 2 อย่างแล้วนั้น จำเป็นต้องรู้ความต่างทั้งคุณสมบัติ พื้นที่ใช้สอย และการติดตั้งกันหน่อย

ยิปซั่ม VS สมาร์ทบอร์ด ความแตกต่างหลากหลายแง่มุม

1. ด้านคุณสมบัติ

แผ่น Gypsum : จะมีลักษณะเป็นส่วนผสมของแร่ Gypsum ที่นำมาขึ้นเป็นแผ่น แล้วใช้กระดาษเหนียวประกบทับอัดแน่นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอกันหมด มีน้ำหนักเบา แต่ก็แข็งแรงทนทาน มีหลากหลายชนิดให้เลือกไม่ว่าจะเป็นรุ่นมาตรฐาน รุ่นกันร้อน รุ่นทนชื้น รุ่นทนไฟ รุ่นลดเสียงสะท้อน ฯลฯ

สมาร์ทบอร์ด :จะเป็นหลักษณะของแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ที่มีคุณภาพสูงด้วยส่วนประกอบหลายอย่างที่มีประสิทธิภาพ จากนั้นก็จะนำไปผ่านกระบวนการอบไอน้ำแรงดันสูง ทำให้ไม่แตกหักได้ง่าย มีความแข็งแรงทนทาน ทนได้ทั้งฝนและแดด ปลวกไม่กัดกินได้ ซึ่งก็มีหลายรุ่นให้เราเลือกด้วยเช่นกัน

2. พื้นที่ใช้สอย

แผ่น Gypsum : จะเหมาะกับงานฝ้าเพดาน หรือผนังภายในมากกว่า ด้วยความที่เรียบสวยงาม ดูแล้วเป็นระเบียบ ฝุ่นน้อย ใช้คัตเตอร์ตัดแต่งได้ง่าย เจาะก็ง่ายอีก ไม่ว่าจะเป็นฝ้าเพดาน ผนังห้องนอน ฝ้าหลุม ฝ้าเล่นระดับในห้องนั่งเล่น ฝ้าชายคา ฯลฯ

แผ่นสมาร์ทบอร์ด : จะเหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความทนทานพิเศษ มีส่วนช่วยรับแรงกระแทกได้ดี ไม่แตกหักง่าย ทนทาต่อฝนและแดด ปลวกไม่สามารถกัดกินได้ นำไปใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นฝ้าภายนอก ผนังตกแต่งภายนอก ฝ้าชายคา ฯลฯ

3. การติดตั้ง

แผ่นยิปซั่ม Gypsum : จะเหมาะกับการติดตั้งแบบฉาบเรียบ โดยเริ่มตั้งแต่การติดตั้งโครงคร่าว และตัวแผ่นที่ต้องการ จากนั้นก็ทำการฉาบรอยต่อของแผ่นได้เลย รวมถึงตรงส่วนหัวสกรูก็ต้องฉาบปูนเฉพาะของแผ่น Gypsum โดยเฉพาะ จากนั้นก็เอาสีน้ำอะคริลิกทาทับสร้างความสวยงาม

สมาร์ทบอร์ด : สามารถติดตั้งได้ในรูปแบบเส้นร่อง โดยอุดร่องรอยต่อที่มีระหว่างแผ่นด้วยกาวยาแนวโพลียูริเทน ส่วนเก็บหัวสกรูก็ใช้เป็นกาวยาแนวอะคริลิก แล้วทาสีอะคริลิกทับอีกที หรือจะเอากระเบื้อง เอาแผ่นลามิเนตมาปิดผิววัสดุอีกทีก็ได้ หรือจะติดตั้งรูปแบบฉาบเรียบก็ได้เช่นกัน

และทั้งหมดนี้ก็เป็นความต่างในหลายแง่มุมของการใช้งานยิปซั่มแผ่น และสมาร์ทบอร์ด โดยที่มีความต่างตั้งแต่เรื่องคุณสมบัติ พื้นที่ใช้สอย การติดตั้ง ที่หากเราจะใช้กับที่ไหนสักแห่งก็ควรเลือกให้ตอบโจทย์การใช้งานที่สุด เพื่อให้มีอายุการใช้งานยืนยาว ไม่เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาภายหลัง
#224


ก่อนที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันยุงทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น สเปรย์กันยุง หรือยาจุด หรือจริง ๆ รวมถึงแมลงต่าง ๆ แล้วนั้น ควรพิจารณาถึงคุณสมบัติที่เหมาะสมด้วย เพื่อให้การนำมาใช้งานจัดการยุง แมลงต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ว่าแต่จะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างนั้น เชื่อว่าหลายคนอยากรู้แล้ว และไม่รอช้าที่จะพาไปศึกษาอย่างหมดเปลือก

คุณสมบัติของสเปรย์กันยุง ยาจุด ที่ควรรู้เพื่อการนำมาใช้

1. มีสารสกัดธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ

อย่างแรกเพื่อความปลอดภัยไม่มากก็น้อยในเรื่องของส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ควรเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ อย่างตะไคร้หอม หรืออื่น ๆ มีความสามารถในการจัดการแมลงสาบ ยุง มดได้อย่างดี มีความปลอดภัยขั้นสุด ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานเอง

2. มีกลิ่นที่ไม่ฉุนมาก

เป็นอีกคุณสมบัติที่ควรมีอย่างที่สุดเลยก็คือเรื่องของกลิ่นที่เมื่อเราฉีด หรือใช้ยาจุดกันยุงไปแล้วต้องไม่ทำให้เกิดกลิ่นฉุนมากเกินไป ควรเป็นกลิ่นหอมเรื่อย ๆ ที่ไม่แสบจมูกมาก เช่น กลิ่นเลม่อน กลิ่นลาเวนเดอร์ ฯลฯ ไม่เป็นอันตรายต่อโพรงจมูกไปได้

3. หากเป็นหัวสเปรย์ควรกดฉีดง่าย

หากเป็นการเลือกใช้เป็นในส่วนของสเปรย์กำจัดยุง หรือสเปรย์กำจัดแมลงร่วมด้วยก็ตาม การใช้งานในส่วนของหัวฉีดควรกดง่าย ไม่พุ่งกระจายมากเกินไป ฉีดได้เร็ว แรง ในระยะที่ออกไกลได้ สามารถจัดการยุง หรือแมลงต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการกำจัดที่รวดเร็ว

4. หากเป็นยาจุดควรจุดติดง่าย แยกขดง่าย

และถ้าหากเป็นในส่วนของยาจุดด้วยแล้วนั้นก็ควรจะเป็นการจุดที่ติดได้ง่าย ไม่ต้องเอาไฟไปลนนานมาก สามารถปกป้องได้ยาวนานต่อเนื่อง หรือบางยี่ห้อก็เป็นรุ่นควันน้อยก็มี ก็จะไม่ฟุ้งมาก หายใจสะดวกขึ้น ที่สำคัญการแยกขดควรทำได้ง่าย ไม่ติดกันเกินไปและไม่แตกหักได้ง่าย ๆ ด้วย ใช้งานได้สะดวกขั้นสุด

5. มีพลังปกป้องยาวนานดี

สุดท้ายก็คือเรื่องของพลังการปกป้องที่ควรเป็นไปได้อย่างยาวนาน อย่างน้อย ๆ ก็ 24 ชม. หรือบางยี่ห้อยาวนานถึง 48 ชม. ก็มี ไม่จำเป็นต้องฉีดพ่น หรือจุดยากันยุงทิ้งไว้ทุกวันทั้งวันเลยด้วย ไม่ทำให้เราเสียเวลาใช้งาน รวมถึงลดความเสี่ยงไฟลุกไหม้ไปอีก

กระนั้นในส่วนของการใช้งานสเปรย์กันยุง แมลง หรือจะเป็นแบบยาจุดขดกันยุงก็ตาม ควรศึกษาข้อควรระวังต่าง ๆ ให้ดีด้วย เพื่อลดความเสี่ยงใช้งานผิดประเภท หรือมีพฤติกรรมความเสี่ยงอื่น ทำให้ต้องเกิดปัญหาตามมาได้ แต่ละยี่ห้อ แต่ละประเภทก็จะมีทั้งขนาด และราคาที่ต่างกัน แนะนำว่าให้อ่านข้อมูลอย่างละเอียดก่อนซื้ออีกครั้งด้วย
#225


เชื่อว่ามีหลายคนที่จำเป็นต้องใช้งานถุงมือยาง หรือแบบพลาสติกก็ตาม และด้วยความที่ถุงมือนั้นมีให้เราเลือกได้หลากหลายชนิดมาก ทั้งยังมีที่เป็นแบบมีแป้ง – ไม่มีแป้งด้วย ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาอธิบายสร้างความเข้าใจมากขึ้น เพื่อการซื้อใช้งานที่ตอบโจทย์ต่อตนเองและการงานมากที่สุด ซึ่งจะเป็นอย่างไร จะแตกต่างกันมากขนาดไหน ไปดูกันเลยดีกว่า

ความแตกต่างของถุงมือยาง VS พลาสติกที่ควรรู้

1. ถุงมือจากยางสังเคราะห์ไนไตรล์

อย่างแรกก็คือเป็นประเภทของถุงมือแบบยางที่สังเคราะห์ด้วยไนไตรล์โดยที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทนทานต่อสารเคมี ทำให้ได้รับความนิยมในการใช้งานอย่างมาก มีหลากหลายสีสันให้เลือกด้วย แต่ก็จะมีความยืดหยุ่นที่ไม่มากเท่าถุงมือแบบยางธรรมชาติ

2. ถุงมือ PVC

ถุงมือ PVC เป็นการใช้ยางสังเคราะห์ Polyvinyl chloride ที่ช่วยป้องกันอันตรายจากการสัมผัสสารเคมีได้โดยตรง ลักษณะจะมีความเป็นเหมือนกระจกฝ้า ใสแต่ก็กึ่งขุ่นด้วย และด้วยความที่สารไขมันจะทำให้พลาสติกยืด หรือนิ่มละลายออกมาได้ก็เลยไม่เหมาะกับการใช้สัมผัสอาหารประเภทไขมัน

3. ถุงมือจากยางธรรมชาติ

หากสังเกตตามลักษณะทางกายภาพก็จะสังเกตได้ว่ามีสีขาวครีม ยืดหยุ่นได้ดี เมื่อใส่มือแล้วจะมีความกระชับมาก ตามร้านขายยาก็มีให้เราเลือกซื้อได้เลย ส่วนใหญ่มักนำมาใช้ในทางการแพทย์ ทั้งนี้ก็จะมีให้เลือกทั้งที่เป็นแบบมีแป้ง และไม่มีแป้ง

- แบบมีแป้ง : จะช่วยปกป้องมือจากสารเคมีได้ ส่วนใหญ่เป็นแป้งข้าวโพด หากมือมีเหงื่อมากก็ยังทำงานได้คล่องแคล่วอยู่ เพราะแป้งจะดูดซับความชื้นในขณะที่เราสวมใส่ได้ดี ช่วยให้หล่อลื่นดี
- แบบไม่มีแป้ง : ความหนาของถุงมือจะบางกว่าแบบมีแป้ง รู้สึกเหมือนเราไม่ได้ใส่ถุงมือ มีความกระชับแนบชิดดี มีความเหนียว ทนทาน ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย

4. ถุงมือแบบพลาสติก PE

หรือที่เราคุ้นเคยกันดีกับถุงมือพลาสติกที่ใช้เวลาย้อมผม ที่จะเป็นการทำจากพลาสติกเนื้อดีเลย จับแล้วไม่เปื้อนติดมาก ส่วนมากใช้ในการจับอาหารมัน หรือที่มีรสเปรี้ยวได้ เช่น ร้านข้าวขาหมู ร้านข้าวมันไก่ ร้านก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับประเภทถุงมือยาง ถุงมือแบบพลาสติกที่มีให้เราได้เลือกใช้งาน แต่ละประเภทน่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว แต่การซื้อมาใช้ก็ควรให้เหมาะสมที่สุดด้วย เพื่อการที่งานที่ตอบโจทย์มากที่สุด หวังว่าต่อจากนี้การซื้อถุงมือใช้งานของทุกคนจะผ่านไปได้ราบรื่น
#226


ใครที่กำลังมองหาน้ำยาประสานคอนกรีต – กันรั่วซึมอยู่ แต่ไม่รู้จะเลือกประเภทไหนไปใช้ดี ไม่รู้ว่าคุณสมบัติที่น่าสนใจอะไรบ้าง เพื่อการนำไปใช้อย่างเหมาะสมรีบตามเรามาทางนี้เลย เพราะเราได้รวบรวมมาแนะนำด้วยกันถึง 4 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคยกันดีหรือไม่ ไปติดตามได้เลย

แนะนำ 4 ผลิตภัณฑ์น้ำยาประสานคอนกรีต – กันรั่วซึม

1. น้ำยาช่วยประสานคอนกรีตตราช่างใหญ่ FLEX-77

มีส่วนช่วยในการประสานหรือยึดเกาะคอนกรีตระหว่างของเก่าและของใหม่ สร้างความแข็งแรง ทนทานต่อมลภาวะต่าง ๆ ได้อย่างดี ช่วยเพิ่มความต้านทานแรงดัด ป้องกันการแตกร้าวได้ดีมากด้วย เหมาะกับการใช้ในงานปูกระเบื้อง งานฉาบ หรือเททับคอนกรีตใหม่บนพื้นเดิม ปรับระดับพื้น ไม่ทำให้ปูนหลุดร่อน พร้อมกันซึมได้ดีไปอีก มีขนาด 5 กก. ราคา 1,039 บาท

2. น้ำยาผสมกันรั่วซึม ตราจระเข้ ADMIX PROOF

ต่อกันที่น้ำยากันซึมตราจระเข้ ADMIX PROOF ที่สามารถผสมกับพื้นปูนป้องกันการรั่วซึมได้ เพิ่มคุณสมบัติการซึมได้ดี ลดปริมาณน้ำที่ใช้ผสมพื้น ทำให้พื้นปูนคอนกรีตแน่นหนามากขึ้น ทำให้คอนกรีตมีกำลังมากขึ้น เหมาะกับงานโครงสร้างคอนกรีตที่สัมผัสน้ำโดยตรง อย่าง บ่อเก็บน้ำ ห้องน้ำ หรือสระว่ายน้ำ ไม่ทำให้คอนกรีตแตกร้าว หรือแห้งแล้วจะหดตัว หรือแข็งตัว มีขนาด 5 ลิตร ราคา 168 บาท

3. น้ำยาช่วยประสานคอนกรีต LANKO 751

ต่อมาเป็นผลิตภัณฑ์ของ LANKO 751 ที่ช่วยประสานคอนกรีต เพิ่มความสามารถในการยึดเกาะของเก่าและของใหม่ได้ดี ลดการหดตัว รอยแตกร้าวที่พื้น ไม่ทำให้รั่วซึม และยังช่วยขัดสี นอกจากนี้ยังป้องกันชิ้นงานหลุดร่อน หรือผสมปูนเพื่อป้องกันการแตกร้าวได้ด้วย เหมาะกับการนำมาใช้งานอย่างที่สุด โดยมีขนาด 1 ลิตร ราคา 213 บาท

4. น้ำยาผสมคอนกรีตกันรั่วซึม BESBOND

ปิดท้ายกันที่ผลิตภัณฑ์น้ำยาผสมคอนกรีตกันรั่วซึม BESBOND ที่มีส่วนช่วยลดปริมาณน้ำที่ใช้ในการผสมคอนกรีตหรือซีเมนต์ได้ดี ทำให้มีความหนาแน่นมากขึ้น ช่วยเพิ่มกำลังให้แข็งแรง ช่วยกันรั่วซึม ไม่ว่าจะเป็นคอนกรีต หรือปูนฉาบ ลดรูพรุนที่มาจากการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอได้ดี เหมาะกับงานที่สัมผัสน้ำโดยตรง เช่น บ่อเก็บน้ำ สระว่ายน้ำ หรือห้องน้ำ โดยมีขนาด 5 ลิตร ราคา 258 บาท

และทั้งหมดนี้ก็เป็นบรรดาผลิตภัณฑ์น้ำยาประสานคอนกรีต – กันรั่วซึมที่น่าสนใจ พร้อมให้คุณซื้อไปใช้งานตอบโจทย์มากที่สุด กระนั้นอยากแนะนำให้อ่านและปฏิบัติตามวิธีการใช้งาน ข้อแนะนำ และคำเตือนต่าง ๆ ที่ระบุไว้ข้างบรรจุภัณฑ์ให้ละเอียด เลือกใช้งานให้ถูกต้อง ทั้งนี้ ต้องระวังในเรื่องการจัดเก็บที่ให้พ้นมือเด็ก สัตว์เลี้ยง และอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม ห้ามดัดแปลง แก้ไข และใช้สินค้าผิดประเภท หวังว่าการประสานคอนกรีต การกันรั่วซึมจะผ่านไปได้ด้วยดีมีประสิทธิภาพขั้นสุด
#227


ปัจจุบันเมื่อพูดถึงลำโพงแล้วที่กำลังเป็นที่นิยมสูงมากก็คงไม่หนีพ้นแบบพกพา ซึ่งเชื่อว่ามีหลาย ๆ คนกำลังมอง ๆ อยู่ แต่กระนั้นการที่จะเลือกให้คุ้มค่าที่สุดบางคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน ไม่รอช้าที่จะพาไปศึกษาทำความรู้จัก เพื่อการเลือกซื้อที่ตอบโจทย์ต่อตนเองและการใช้งาน

5 เทคนิคการเลือกซื้อลำโพงแบบพกพาให้คุ้มค่า

1. คุณภาพเสียง

เป็นการเลือกที่เราควรต้องดูก่อนเลยโดยที่เรื่องคุณภาพเสียงต้องมั่นใจเลยว่ามีเสียงออกมาได้อย่างดี ดูว่าลำโพงรุ่นนั้น ๆ มีเสียงเป็นอย่างไร บางรุ่นก็มีเสียงกลาง บางรุ่นเสียงแหลม เสียงเบามีลักษณะเป็นอย่างไร เสียงดังโดยรวมเป็นอย่างไร อาจจะต้องลองฟังจากเครื่องโชว์ก่อนก็ได้

2. การออกแบบ รูปลักษณ์

โดยที่ปัจจุบันมีการผลิตมาเพื่อแข่งขันกันเลยเชียวเพราะยิ่งมีการออกแบบ รูปลักษณ์ที่โดดเด่น สีสันดูโฉบเฉี่ยว เพื่อสร้างความน่าสนใจให้เราได้นำไปใช้แล้วมีหลายคนสนใจอยากเข้าหา แล้วยิ่งมีเสียงดีก็ทำให้คุณได้เครื่องมีคุณภาพมากขึ้น

3. น้ำหนักเบา พกพาง่าย

ลำโพงบลูทูธที่น่าสนใจควรค่าต่อการซื้อก็ควรต้องน้ำหนักเบามากยิ่งดี โดยที่ในเมื่อเราอยากพกพาไปไหนมาไหนก็ต้องคล่องตัวมาก ๆ ซึ่งรูปทรงก็ควรจะต้องเล็กด้วย ยิ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก็จะสัมพันธ์กับข้อออกแบบ รูปลักษณ์ด้วย

4. ฟังก์ชันการใช้งาน อุปกรณ์รองรับ

เป็นอีกสิ่งที่ควรค่าต่อการศึกษามาก ๆ เพราะจะช่วยให้เข้าถึงการใช้งานที่ดีมากขึ้นได้ ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่องเสียบ AUX, Flash Drive, SD Card มีปุ่มเพิ่มลดเสียงให้ มีไมโครโฟนเพื่อคุยมือถือ มีการเปิด/ปิดด้วยรีโมท ฯลฯ รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่แต่ละรุ่นก็จะมีแตกต่างกันออกไป ควรพิจารณาเลือกให้ดีด้วย

5. งบประมาณ ราคาสินค้า

ถือเป็นอีกสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลยจริง ๆ กับเรื่องของงบประมาณ ราคาสินค้าลำโพงบลูทูธพกพาที่เราต้องการ เริ่มต้นคือพิจารณาก่อนเลยว่ามีงบที่ตัวเองเท่าไหร่ แล้วจะเลือกซื้อสินค้าได้ในราคากี่บาท แล้วมีฟังก์ชัน มีความคุ้มค่าอะไรให้บ้าง อย่าเลือกสินค้าที่ราคาถูกเกินไปเพราะบางทีอาจใช้งานได้ไม่ยาวนานด้วยคุณภาพของสินค้าที่ต่ำเกินไป

นอกจากนี้ การที่เราจะเลือกซื้อลำโพงแบบพกพาได้สักเครื่องก็ควรเลือกร้านที่มีการรับประกันด้วย เพราะถือเป็นอีกสิ่งที่ช่วยให้เรามั่นใจในการใช้บริการ น่าเชื่อถือ ด้วยความที่หากเกิดปัญหาขัดข้อง เครื่องชำรุดก็ยังมีประกันช่วยดูแล หรือบางทีถ้ายังอยู่ในสัญญาก็ได้เครื่องใหม่ทันทีด้วย สร้างความอุ่นใจได้ไม่น้อย
#228


เมื่อพูดถึงวิธีที่ช่วยให้การยึดเกาะสีกับผนังมีประสิทธิภาพมากที่สุด มีอายุการใช้งานดีที่สุด คงสีสวยตลอดก็ต้องใช้สีรองพื้นเข้ามาช่วย กระนั้นมือใหม่อาจจะเกิดความสงสัยเพราะสังเกตดูแล้วมีทั้งแบบปูนเก่า และแบบปูนใหม่ ทำให้อยากรู้ว่าทั้ง 2 มีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อการใช้งานที่ถูกต้องเหมาะสม เพราะหากเราไม่ทาสีรองพื้นที่ดีมีโอกาสเกิดปัญหาหลายอย่างกับผนังบ้านตามมาภายหลังได้

ความแตกต่างของสีรองพื้นทั้งแบบเก่า VS แบบใหม่

1. สีแบบเก่า

อย่างแรกที่เราจะพูดถึงก็คือการทาสีรองพื้นปูนเก่าที่ก็คือการทาสีผนังที่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน เคยมีสีทามาก่อนแล้ว เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะพร้อมช่วยป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่ก่อนหน้าเคยเกิดได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น การเกิดรอยแตก การเกิดเชื้อรา ฯลฯ แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นทาได้นั้นก็ต้องทำความสะอาดผนังบ้านให้เรียบร้อยก่อนเสมอ ไม่ได้จะทาทับปูเก่าไปเลยโดยตรง เพราะผนังปูนเก่านั้นมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ เกาะอยู่ ส่งผลต่อการยึดเกาะของสีใหม่ที่จะทาไปได้ หากพบว่าผนังมีคราบตะไคร่ มีรอยด่าง คราบมันเกาะติดตามผนัง ควรมีการทำความสะอาดทันที หรือหากพบว่าสีเดิมหลุดลอกก็ต้องขูดเอาสีเก่าออกหมดแล้วจึงทารองพื้นสีใหม่

2. สีแบบใหม่

ต่อมาเป็นความแตกต่างของสีรองพื้นปูนใหม่โดยที่จะเหมาะกับการใช้ทาผนังปูนที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ เลย เพิ่มทำบ้านเสร็จ หรือมีการฉาบปูนใหม่ มีการต่อเติม โดยที่สีใช้รองพื้นของปูนใหม่โดยเฉพาะ สำหรับเหตุผลที่ต้องใช้สีที่รองพื้นปูนใหม่เลยเพราะว่าหลังจากที่ทำการฉาบเสร็จสิ้นแล้ว ผนังส่วนใหญ่จะมีคราบด่างเกิดขึ้น และปูนที่เพิ่งฉาบเสร็จก็จะมีความชื้นออกมาด้วย เมื่อไม่ได้ทาสีที่เป็นรองพื้นก่อนพอทาสีลงไปก็จะเป็นปัญหาขึ้นทันที ดังนั้น จึงอยากแนะนำให้ทาสีที่ใช้รองพื้นก่อน 1 รอบ เพื่อป้องกันบรรดารอยด่างต่าง ๆ พร้อมเพิ่มความสามารถในการยึดเกาะทำให้สีแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิมระหว่างผนังที่เพิ่งสร้างเสร็จกับสีทาพื้นหน้าที่เป็นสีจริง ๆ ในการใช้งาน

ความแตกต่างของสีรองพื้นทั้งแบบเก่าและแบบใหม่นั้นหลังจากที่ศึกษาแล้วก็หวังว่าจะเข้าใจและพร้อมเลือกใช้งานร่วมกับผนังได้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์มากขึ้น กระนั้นในการทาสีที่ใช้รองพื้นจะแบบเก่าหรือแบบใหม่ควรศึกษาวิธีการใช้เสมอ อย่างสีแบบใหม่ควรทาหลังฉาบเสร็จไปแล้ว 30 วัน ส่วนสีแบบเก่าต้องจัดการสิ่งสกปรก ฝุ่นต่าง ๆ ออกก่อน เมื่อเข้าใจวิธีการใช้งานก็จะได้สีผนังที่สวยงาม อายุยาวนานมากขึ้น
#229


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความสนใจอยากซื้อเครื่องฉีดน้ำมาใช้งาน อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจไปได้ เพราะก่อนจะซื้อมีสิ่งที่ควรต้องพิจารณาอยู่ด้วย และเพื่อให้การเลือกซื้อใช้งานผ่านไปได้ราบรื่นมากที่สุด เราไม่รอช้าที่จะพาทุก ๆ คนไปศึกษาพร้อมกันอย่างละเอียด ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามได้

ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องฉีดน้ำต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้

1. เรื่องของ Flow น้ำ และแรงดัน

อย่างแรกที่ต้องเข้าใจก่อนหากสนใจเลือกเป็นเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ก็ต้องพิจารณาเรื่องของสเปคเครื่องฉีด ต่อมาคือแรงดันที่จะมีหน่วยเป็น PSI หรือเป็น BAR โดยที่ส่วนใหญ่จะบ่งบอกถึงความแรงได้อย่างดี กระนั้นเรื่อง Flow น้ำสำคัญ เพราะหากมีแรงดันสูงจริงแต่ Flow ไม่เพียงพอก็ฉีดได้ไม่แรงเท่าที่ควร แต่หากเป็น Flow น้ำลิตรเยอะ ขดลวดใหญ่เพราะกำลังดึงน้ำมากราคาก็จะแพงตามไปด้วย

2. ประเภทของมอเตอร์

สิ่งต่อมาที่มองข้ามไปไม่ได้ก็คือเรื่องของมอเตอร์ ที่โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

- มอเตอร์ไร้แปรงถ่าย หรือเหนี่ยวนำ : ที่จะใช้งานได้ยาวนาน ทนทาน กินไฟน้อย แต่ก็จะมีน้ำหนักมาก และราคาสูงกว่าแบบปกติ
- มอเตอร์แปรงถ่าย หรือ ยูนิเวอเซล มอเตอร์ : ที่จะมีน้ำหนักเบา ใช้แบบต่อเนื่องได้ไม่นานมาก โดยเฉพาะแบบอะลูมิเนียม ทั้งมีรอบหมุนสูง และเสียงค่อนข้างดัง

3. งบประมาณที่มี

เรื่องงบประมาณที่เรามีต้องสอดคล้องกับราคาเครื่องที่ต้องการด้วย หากเป็นแบบเครื่องแรงดันสูงมีสาย ก็จะถูกกว่าเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงไร้สาย เพราะจะเคลื่อนย้ายได้สะดวกสบายมากขึ้น แต่กระนั้นก็ต้องคำนึงถึงการใช้งาน วัสดุที่ทำด้วย เพราะหากเป็นสิ่งที่มีคุณภาพราคาก็จะสูงตาม ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูที่ความเหมาะสมในการใช้งานด้วย เพราะบางครั้งอาจเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์

4. ใครคือผู้ใช้งาน

สุดท้ายก็คือเรื่องของใครที่เป็นคนใช้งานเครื่องที่ว่านี้มากที่สุด เพื่อให้การใช้สอยมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เป็นแม่บ้านงานควรต้องประกอบง่าย น้ำหนักเบาเพื่อการเคลื่อนย้ายสะดวก หรือคุณผู้ชายใช้งานบ่อย ใช้หลายชั่วโมงก็ต้องเลือกเครื่องที่มีเครื่องปั๊มน้ำตั้งเลยไม่ต้องยกเข้า – ออก หรือต้องใช้สายฉีดแรง ๆ มีความยาวเพียงพอ ฯลฯ

มาถึงตรงนี้เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุก ๆ คนจะเกิดความเข้าใจในการเลือกซื้อเครื่องฉีดน้ำใช้งานมากขึ้น ทั้งนี้ คุณควรพิจารณาดูเรื่องการรับประกัน หรือการดูแลหลังการขายด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการมากขึ้น เผื่อว่าเครื่องมีปัญหา หรือเครื่องชำรุดต้องรับการซ่อมแซมก็จะได้มีการดูแลที่รวดเร็ว ราบรื่นมากที่สุด และไม่เกิดปัญหาซ้ำซ้อนได้
#230


ก่อนที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันยุงทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น สเปรย์กันยุง หรือยาจุด หรือจริง ๆ รวมถึงแมลงต่าง ๆ แล้วนั้น ควรพิจารณาถึงคุณสมบัติที่เหมาะสมด้วย เพื่อให้การนำมาใช้งานจัดการยุง แมลงต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ว่าแต่จะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างนั้น เชื่อว่าหลายคนอยากรู้แล้ว และไม่รอช้าที่จะพาไปศึกษาอย่างหมดเปลือก

คุณสมบัติของสเปรย์กันยุง ยาจุด ที่ควรรู้เพื่อการนำมาใช้

1. มีสารสกัดธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ

อย่างแรกเพื่อความปลอดภัยไม่มากก็น้อยในเรื่องของส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ควรเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ อย่างตะไคร้หอม หรืออื่น ๆ มีความสามารถในการจัดการแมลงสาบ ยุง มดได้อย่างดี มีความปลอดภัยขั้นสุด ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานเอง

2. มีกลิ่นที่ไม่ฉุนมาก

เป็นอีกคุณสมบัติที่ควรมีอย่างที่สุดเลยก็คือเรื่องของกลิ่นที่เมื่อเราฉีด หรือใช้ยาจุดกันยุงไปแล้วต้องไม่ทำให้เกิดกลิ่นฉุนมากเกินไป ควรเป็นกลิ่นหอมเรื่อย ๆ ที่ไม่แสบจมูกมาก เช่น กลิ่นเลม่อน กลิ่นลาเวนเดอร์ ฯลฯ ไม่เป็นอันตรายต่อโพรงจมูกไปได้

3. หากเป็นหัวสเปรย์ควรกดฉีดง่าย

หากเป็นการเลือกใช้เป็นในส่วนของสเปรย์กำจัดยุง หรือสเปรย์กำจัดแมลงร่วมด้วยก็ตาม การใช้งานในส่วนของหัวฉีดควรกดง่าย ไม่พุ่งกระจายมากเกินไป ฉีดได้เร็ว แรง ในระยะที่ออกไกลได้ สามารถจัดการยุง หรือแมลงต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการกำจัดที่รวดเร็ว

4. หากเป็นยาจุดควรจุดติดง่าย แยกขดง่าย

และถ้าหากเป็นในส่วนของยาจุดด้วยแล้วนั้นก็ควรจะเป็นการจุดที่ติดได้ง่าย ไม่ต้องเอาไฟไปลนนานมาก สามารถปกป้องได้ยาวนานต่อเนื่อง หรือบางยี่ห้อก็เป็นรุ่นควันน้อยก็มี ก็จะไม่ฟุ้งมาก หายใจสะดวกขึ้น ที่สำคัญการแยกขดควรทำได้ง่าย ไม่ติดกันเกินไปและไม่แตกหักได้ง่าย ๆ ด้วย ใช้งานได้สะดวกขั้นสุด

5. มีพลังปกป้องยาวนานดี

สุดท้ายก็คือเรื่องของพลังการปกป้องที่ควรเป็นไปได้อย่างยาวนาน อย่างน้อย ๆ ก็ 24 ชม. หรือบางยี่ห้อยาวนานถึง 48 ชม. ก็มี ไม่จำเป็นต้องฉีดพ่น หรือจุดยากันยุงทิ้งไว้ทุกวันทั้งวันเลยด้วย ไม่ทำให้เราเสียเวลาใช้งาน รวมถึงลดความเสี่ยงไฟลุกไหม้ไปอีก

กระนั้นในส่วนของการใช้งานสเปรย์กันยุง แมลง หรือจะเป็นแบบยาจุดขดกันยุงก็ตาม ควรศึกษาข้อควรระวังต่าง ๆ ให้ดีด้วย เพื่อลดความเสี่ยงใช้งานผิดประเภท หรือมีพฤติกรรมความเสี่ยงอื่น ทำให้ต้องเกิดปัญหาตามมาได้ แต่ละยี่ห้อ แต่ละประเภทก็จะมีทั้งขนาด และราคาที่ต่างกัน แนะนำว่าให้อ่านข้อมูลอย่างละเอียดก่อนซื้ออีกครั้งด้วย
#231


ในส่วนของการขจัดคราบบนพื้นนั้นแต่ละประเภทก็มีวิธีการที่ต่างกันออกไป และหากใครที่ใช้พื้นลามิเนตอยากได้การทำความสะอาด การขจัดคราบอย่างเหมาะสม ถูกวิธี เรารวบรวมมาแนะนำอย่างเจาะลึก รับรองว่าจะได้พื้นสวยสะอาดเหมือนเดิมแน่นอน ซึ่งวิธีการจะทำอย่างไรนั้นไปดูกันได้เลย

การขจัดคราบสกปรกบนพื้นลามิเนตที่เหมาะสม ถูกวิธี

1. ขจัดคราบหมากฝรั่งด้วยมีดพลาสติก

อย่างแรกก็คือการจัดการคราบหมากฝรั่งที่ออกได้อย่างหมดจด คือการนำเอามีดพลาสติกมาขูด ๆ ออก และหากหลงเหลืออยู่ก็ให้เอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดพื้นผิวได้เลย ห้ามใช้มีดที่เป็นโลหะเด็ดขาด เพราะความเป็นโลหะจะคมมากเกิน เกิดรอยขีดข่วนที่พื้นได้ง่ายมาก

2. ขจัดคราบครีมขัดรองเท้า น้ำยาทาเล็บ ดินน้ำมัน

ต่อมาคือการขจัดคราบครีมขัดรองเท้า น้ำยาทาเล็บ ดินน้ำมันที่นอกจากจะมีบนพื้นแล้ว ที่ตัวจบขอบประตูก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ วิธีการขจัดคราบเหล่านี้ให้เอาน้ำยาล้างเล็บที่มีอะซิโตนเป็นส่วนผสมมาหยดไปที่ผ้าไมโครไฟเบอร์เล็กน้อย แล้วเช็ดคราบต่าง ๆ ให้หลุดออก จากนั้นก็เอาผ้าไมโครไฟเบอร์ไปชุบน้ำมาเช็ดซ้ำ

3. ขจัดคราบเลือดด้วยน้ำยาเช็ดกระจก

ต่อมาก็คือการขจัดคราบเลือดโดยให้ใช้เป็นน้ำยาเช็ดกระจกมาจัดการ โดยเลือกฉีดพ้นไปบริเวณที่มีคราบเลือดแล้วเช็ดออกเลยทันที จากนั้นก็เอาผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาด ๆ มาเช็ดซ้ำ ผ้าที่ใช้แนะนำเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์ และยิ่งเช็ดทำความสะอาดเร็วเท่าไหร่คราบก็ออกง่ายมากเท่านั้น

4. ขจัดคราบไขมันด้วยน้ำแข็ง

หากที่พื้นชนิดนี้ หรือตัวจบเก็บขอบต่าง ๆ เกิดเป็นคราบไขมันขึ้นมาให้เอาถุงประคบเย็น หรือถุงแช่แข็งมาวางไว้ที่บริเวณคราบไขมันได้เลย จนกว่าคราบจะแข็งตัว และค่อยเอามีดพลาสติกมาขูดออก จากนั้นก็ฉีดพ่นน้ำยาเช็ดกระจกลงที่คราบแล้วเอาผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดซ้ำ

5. ขจัดไวน์ สีเทียน โซดา หรือหมึก

ด้วยการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์มาชุบน้ำแล้วบิดหมาดได้เลย และหากเป็นคราบสีเทียนควรใช้เป็นน้ำมันก๊าดเทลงพื้นก่อน หากเป็นคราบหมึกติดแน่นให้ใช้เป็นน้ำยาล้างจาน หรือน้ำยาลบหมึกมาหยดที่ผ้าเล็กน้อย พร้อมเช็ดทำความสะอาดได้เลยหมดจด

จะเห็นได้เลยว่าการทำความสะอาดขจัดคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ของพื้นลามิเนตไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแต่เราต้องเข้าใจในคราบสิ่งสกปรกที่มี และใช้สิ่งที่ตอบโจทย์มาจัดการทำความสะอาด ก็ช่วยให้คราบหาย พื้นสะอาดมากขึ้น ได้พื้นกลับมาเหมือนใหม่ง่าย ๆ
#232


หากจะเอ่ยถึงวัสดุหลักที่ใช้ทำฝ้าเพดาน ฝาผนังต่าง ๆ แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิปซั่มแผ่น (Gypsum) – สมาร์ทบอร์ดมักถูกนึกถึงมากที่สุด แต่ถึงแม้ทั้งคู่จะดูคล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วก็มีความต่างที่หลากหลายแง่มุมการนำไปใช้มาก และหากคุณจำเป็นจะต้องใช้งานทั้ง 2 อย่างแล้วนั้น จำเป็นต้องรู้ความต่างทั้งคุณสมบัติ พื้นที่ใช้สอย และการติดตั้งกันหน่อย

ยิปซั่ม VS สมาร์ทบอร์ด ความแตกต่างหลากหลายแง่มุม

1. ด้านคุณสมบัติ

แผ่น Gypsum : จะมีลักษณะเป็นส่วนผสมของแร่ Gypsum ที่นำมาขึ้นเป็นแผ่น แล้วใช้กระดาษเหนียวประกบทับอัดแน่นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอกันหมด มีน้ำหนักเบา แต่ก็แข็งแรงทนทาน มีหลากหลายชนิดให้เลือกไม่ว่าจะเป็นรุ่นมาตรฐาน รุ่นกันร้อน รุ่นทนชื้น รุ่นทนไฟ รุ่นลดเสียงสะท้อน ฯลฯ

สมาร์ทบอร์ด :จะเป็นหลักษณะของแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ที่มีคุณภาพสูงด้วยส่วนประกอบหลายอย่างที่มีประสิทธิภาพ จากนั้นก็จะนำไปผ่านกระบวนการอบไอน้ำแรงดันสูง ทำให้ไม่แตกหักได้ง่าย มีความแข็งแรงทนทาน ทนได้ทั้งฝนและแดด ปลวกไม่กัดกินได้ ซึ่งก็มีหลายรุ่นให้เราเลือกด้วยเช่นกัน

2. พื้นที่ใช้สอย

แผ่น Gypsum : จะเหมาะกับงานฝ้าเพดาน หรือผนังภายในมากกว่า ด้วยความที่เรียบสวยงาม ดูแล้วเป็นระเบียบ ฝุ่นน้อย ใช้คัตเตอร์ตัดแต่งได้ง่าย เจาะก็ง่ายอีก ไม่ว่าจะเป็นฝ้าเพดาน ผนังห้องนอน ฝ้าหลุม ฝ้าเล่นระดับในห้องนั่งเล่น ฝ้าชายคา ฯลฯ

แผ่นสมาร์ทบอร์ด : จะเหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความทนทานพิเศษ มีส่วนช่วยรับแรงกระแทกได้ดี ไม่แตกหักง่าย ทนทาต่อฝนและแดด ปลวกไม่สามารถกัดกินได้ นำไปใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นฝ้าภายนอก ผนังตกแต่งภายนอก ฝ้าชายคา ฯลฯ

3. การติดตั้ง

แผ่นยิปซั่ม Gypsum : จะเหมาะกับการติดตั้งแบบฉาบเรียบ โดยเริ่มตั้งแต่การติดตั้งโครงคร่าว และตัวแผ่นที่ต้องการ จากนั้นก็ทำการฉาบรอยต่อของแผ่นได้เลย รวมถึงตรงส่วนหัวสกรูก็ต้องฉาบปูนเฉพาะของแผ่น Gypsum โดยเฉพาะ จากนั้นก็เอาสีน้ำอะคริลิกทาทับสร้างความสวยงาม

สมาร์ทบอร์ด : สามารถติดตั้งได้ในรูปแบบเส้นร่อง โดยอุดร่องรอยต่อที่มีระหว่างแผ่นด้วยกาวยาแนวโพลียูริเทน ส่วนเก็บหัวสกรูก็ใช้เป็นกาวยาแนวอะคริลิก แล้วทาสีอะคริลิกทับอีกที หรือจะเอากระเบื้อง เอาแผ่นลามิเนตมาปิดผิววัสดุอีกทีก็ได้ หรือจะติดตั้งรูปแบบฉาบเรียบก็ได้เช่นกัน

และทั้งหมดนี้ก็เป็นความต่างในหลายแง่มุมของการใช้งานยิปซั่มแผ่น และสมาร์ทบอร์ด โดยที่มีความต่างตั้งแต่เรื่องคุณสมบัติ พื้นที่ใช้สอย การติดตั้ง ที่หากเราจะใช้กับที่ไหนสักแห่งก็ควรเลือกให้ตอบโจทย์การใช้งานที่สุด เพื่อให้มีอายุการใช้งานยืนยาว ไม่เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาภายหลัง
#233


เชื่อว่าการใช้งานน้ำยาขจัดคราบที่มีความสามารถเพิ่มเติมอย่าง ดับกลิ่นด้วย ฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ได้ด้วย คงกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก และก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งหากจะซื้อผลิตภัณฑ์มาใช้ก็มักจะได้รับคำแนะนำให้เลือกECOLAB RTU ทว่ามีเหตุผลใดที่ช่วยสนับสนุนบ้าง ไม่รอช้ามีมาแนะนำเช่นเคย

เหตุผลที่ควรใช้น้ำยาขจัดคราบยี่ห้อ ECOLAB RTU

ต้องบอกเลยว่า ECOLAB RTU เป็นอีกหนึ่งน้ำยาช่วยทำความสะอาด ช่วยขจัดคราบที่มาในรูปแบบสเปรย์ ทำให้การใช้งานง่ายมากขึ้น สามารถฉีดบ้างได้เลยพร้อมใช้ ปลอดภัย ไม่ต้องใช้น้ำล้างใด ๆ เพราะแค่เราฉีดแล้วเช็ดพื้นที่มีสิ่งสกปรก มีกลิ่นเกาะอยู่ ก็สามารถจัดการให้กลับมาสะอาดเหมือนใหม่แล้ว

นอกจากจะช่วยขจัดคราบสิ่งนี้ก็ยังถือเป็นสเปรย์ฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ในคราวเดียวด้วย ไม่ว่าจะนำไปใช้ร่วมกันลูกบิดประตู ภายในลิฟต์ โต๊ะรับประทานอาหาร หรือพื้นผิวสัมผัสที่มีอาหารวางก็ได้ ใช้กับที่พัก หรืออาคารสำนักงานได้หมด ฉีดเช็ดแล้วไม่ต้องเอาน้ำมาล้างตามแต่อย่างใดด้วย เพิ่มความสะดวกสบายได้ทุกที่ทุกเวลาไม่จำกัด

- เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฆ่าเชื้อได้ภายใน 15 วินาที ส่วนการฆ่าเชื้อโรคอื่น ๆ แค่ 1 นาทีก็จัดการเสร็จสิ้น
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขจัดคราบ ดับกลิ่น และฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ในคราวเดียวกัน
- เป็นหัวฉีดสเปรย์ดับกลิ่น ฆ่าเชื้อ ขจัดคราบที่ใช้งานได้สะดวกสบาย นำไปฉีดที่ไหนได้หมดทุกที่ไม่ปิดกั้น
- ปลอดภัย คุณสามารถนำไปใช้ได้กับทุกพื้นผิวที่ต้องสัมผัสอาหาร ไม่จำเป็นต้องล้างน้ำตาม เช็ดแล้วใช้วางอาหารได้เลย มีการรองรับจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดย EPA No. 1677-259

ข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

เผื่อว่าใครอยากได้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานก็ต้องบอกเลยว่าง่ายมาก เพียงคุณฉีดพ่นไปบนพื้นผิวที่ต้องการทำความสะอาด หรือที่ต้องการฆ่าเชื้อ จากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ 5 นาที พร้อมใช้ผ้าสะอาดมาเช็ดออก โดยที่เว้นระยะห่างในการฉีดพ่น 30 ซม. แล้วฉีดพ่นค้างไว้ 10 วินาที

ทั้งนี้มีสิ่งที่ต้องระวังในการใช้งานอยู่ด้วยที่แน่ ๆ คือห้ามกินอยู่แล้ว และต้องเก็บให้พ้นมือเด็ก สัตว์เลี้ยง รวมถึงแสงแดด ระวังไม่ให้เข้าตา หากเข้าก็ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดจนหายระคายเคือง หรือทุเลาลง ที่สำคัญต้องเก็บให้ห่างจากบริเวณที่ความร้อนสูง หรือห่างจากเปลวไฟด้วย

น้ำยาขจัดคราบ ดับกลิ่น รวมถึงฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ ECOLAB RTU แบบสเปรย์นี้คงเป็นทางเลือกในการจัดการสิ่งสกปรกให้ห่างไกลได้ดี โดยที่มีขนาด 500 มล. ในราคา 335 บาท ใครที่ทำอาหารบ่อย หรือมีสิ่งสกปรกมาเกาะติดเยอะ เป็นประจำ ต้องมีสักขวดไว้ใช้งานแล้วจริง ๆ ห้ามมองข้ามเด็ดขาด
#234


ปัจจุบันเมื่อพูดถึงลำโพงแล้วที่กำลังเป็นที่นิยมสูงมากก็คงไม่หนีพ้นแบบพกพา ซึ่งเชื่อว่ามีหลาย ๆ คนกำลังมอง ๆ อยู่ แต่กระนั้นการที่จะเลือกให้คุ้มค่าที่สุดบางคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน ไม่รอช้าที่จะพาไปศึกษาทำความรู้จัก เพื่อการเลือกซื้อที่ตอบโจทย์ต่อตนเองและการใช้งาน

5 เทคนิคการเลือกซื้อลำโพงแบบพกพาให้คุ้มค่า

1. คุณภาพเสียง

เป็นการเลือกที่เราควรต้องดูก่อนเลยโดยที่เรื่องคุณภาพเสียงต้องมั่นใจเลยว่ามีเสียงออกมาได้อย่างดี ดูว่าลำโพงรุ่นนั้น ๆ มีเสียงเป็นอย่างไร บางรุ่นก็มีเสียงกลาง บางรุ่นเสียงแหลม เสียงเบามีลักษณะเป็นอย่างไร เสียงดังโดยรวมเป็นอย่างไร อาจจะต้องลองฟังจากเครื่องโชว์ก่อนก็ได้

2. การออกแบบ รูปลักษณ์

โดยที่ปัจจุบันมีการผลิตมาเพื่อแข่งขันกันเลยเชียวเพราะยิ่งมีการออกแบบ รูปลักษณ์ที่โดดเด่น สีสันดูโฉบเฉี่ยว เพื่อสร้างความน่าสนใจให้เราได้นำไปใช้แล้วมีหลายคนสนใจอยากเข้าหา แล้วยิ่งมีเสียงดีก็ทำให้คุณได้เครื่องมีคุณภาพมากขึ้น

3. น้ำหนักเบา พกพาง่าย

ลำโพงบลูทูธที่น่าสนใจควรค่าต่อการซื้อก็ควรต้องน้ำหนักเบามากยิ่งดี โดยที่ในเมื่อเราอยากพกพาไปไหนมาไหนก็ต้องคล่องตัวมาก ๆ ซึ่งรูปทรงก็ควรจะต้องเล็กด้วย ยิ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก็จะสัมพันธ์กับข้อออกแบบ รูปลักษณ์ด้วย

4. ฟังก์ชันการใช้งาน อุปกรณ์รองรับ

เป็นอีกสิ่งที่ควรค่าต่อการศึกษามาก ๆ เพราะจะช่วยให้เข้าถึงการใช้งานที่ดีมากขึ้นได้ ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่องเสียบ AUX, Flash Drive, SD Card มีปุ่มเพิ่มลดเสียงให้ มีไมโครโฟนเพื่อคุยมือถือ มีการเปิด/ปิดด้วยรีโมท ฯลฯ รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่แต่ละรุ่นก็จะมีแตกต่างกันออกไป ควรพิจารณาเลือกให้ดีด้วย

5. งบประมาณ ราคาสินค้า

ถือเป็นอีกสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลยจริง ๆ กับเรื่องของงบประมาณ ราคาสินค้าลำโพงบลูทูธพกพาที่เราต้องการ เริ่มต้นคือพิจารณาก่อนเลยว่ามีงบที่ตัวเองเท่าไหร่ แล้วจะเลือกซื้อสินค้าได้ในราคากี่บาท แล้วมีฟังก์ชัน มีความคุ้มค่าอะไรให้บ้าง อย่าเลือกสินค้าที่ราคาถูกเกินไปเพราะบางทีอาจใช้งานได้ไม่ยาวนานด้วยคุณภาพของสินค้าที่ต่ำเกินไป

นอกจากนี้ การที่เราจะเลือกซื้อลำโพงแบบพกพาได้สักเครื่องก็ควรเลือกร้านที่มีการรับประกันด้วย เพราะถือเป็นอีกสิ่งที่ช่วยให้เรามั่นใจในการใช้บริการ น่าเชื่อถือ ด้วยความที่หากเกิดปัญหาขัดข้อง เครื่องชำรุดก็ยังมีประกันช่วยดูแล หรือบางทีถ้ายังอยู่ในสัญญาก็ได้เครื่องใหม่ทันทีด้วย สร้างความอุ่นใจได้ไม่น้อย
#235


เชื่อว่ามีหลายคนที่จำเป็นต้องใช้งานถุงมือยาง หรือแบบพลาสติกก็ตาม และด้วยความที่ถุงมือนั้นมีให้เราเลือกได้หลากหลายชนิดมาก ทั้งยังมีที่เป็นแบบมีแป้ง – ไม่มีแป้งด้วย ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาอธิบายสร้างความเข้าใจมากขึ้น เพื่อการซื้อใช้งานที่ตอบโจทย์ต่อตนเองและการงานมากที่สุด ซึ่งจะเป็นอย่างไร จะแตกต่างกันมากขนาดไหน ไปดูกันเลยดีกว่า

ความแตกต่างของถุงมือยาง VS พลาสติกที่ควรรู้

1. ถุงมือจากยางสังเคราะห์ไนไตรล์

อย่างแรกก็คือเป็นประเภทของถุงมือแบบยางที่สังเคราะห์ด้วยไนไตรล์โดยที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทนทานต่อสารเคมี ทำให้ได้รับความนิยมในการใช้งานอย่างมาก มีหลากหลายสีสันให้เลือกด้วย แต่ก็จะมีความยืดหยุ่นที่ไม่มากเท่าถุงมือแบบยางธรรมชาติ

2. ถุงมือ PVC

ถุงมือ PVC เป็นการใช้ยางสังเคราะห์ Polyvinyl chloride ที่ช่วยป้องกันอันตรายจากการสัมผัสสารเคมีได้โดยตรง ลักษณะจะมีความเป็นเหมือนกระจกฝ้า ใสแต่ก็กึ่งขุ่นด้วย และด้วยความที่สารไขมันจะทำให้พลาสติกยืด หรือนิ่มละลายออกมาได้ก็เลยไม่เหมาะกับการใช้สัมผัสอาหารประเภทไขมัน

3. ถุงมือจากยางธรรมชาติ

หากสังเกตตามลักษณะทางกายภาพก็จะสังเกตได้ว่ามีสีขาวครีม ยืดหยุ่นได้ดี เมื่อใส่มือแล้วจะมีความกระชับมาก ตามร้านขายยาก็มีให้เราเลือกซื้อได้เลย ส่วนใหญ่มักนำมาใช้ในทางการแพทย์ ทั้งนี้ก็จะมีให้เลือกทั้งที่เป็นแบบมีแป้ง และไม่มีแป้ง

- แบบมีแป้ง : จะช่วยปกป้องมือจากสารเคมีได้ ส่วนใหญ่เป็นแป้งข้าวโพด หากมือมีเหงื่อมากก็ยังทำงานได้คล่องแคล่วอยู่ เพราะแป้งจะดูดซับความชื้นในขณะที่เราสวมใส่ได้ดี ช่วยให้หล่อลื่นดี
- แบบไม่มีแป้ง : ความหนาของถุงมือจะบางกว่าแบบมีแป้ง รู้สึกเหมือนเราไม่ได้ใส่ถุงมือ มีความกระชับแนบชิดดี มีความเหนียว ทนทาน ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย

4. ถุงมือแบบพลาสติก PE

หรือที่เราคุ้นเคยกันดีกับถุงมือพลาสติกที่ใช้เวลาย้อมผม ที่จะเป็นการทำจากพลาสติกเนื้อดีเลย จับแล้วไม่เปื้อนติดมาก ส่วนมากใช้ในการจับอาหารมัน หรือที่มีรสเปรี้ยวได้ เช่น ร้านข้าวขาหมู ร้านข้าวมันไก่ ร้านก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับประเภทถุงมือยาง ถุงมือแบบพลาสติกที่มีให้เราได้เลือกใช้งาน แต่ละประเภทน่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว แต่การซื้อมาใช้ก็ควรให้เหมาะสมที่สุดด้วย เพื่อการที่งานที่ตอบโจทย์มากที่สุด หวังว่าต่อจากนี้การซื้อถุงมือใช้งานของทุกคนจะผ่านไปได้ราบรื่น
#236


วันนี้เรามีน้ำยาทำความสะอาดที่ควรเลือกซื้อมาใช้งานที่สุดแนะนำทุก ๆ  คนกัน สร้างความเข้าใจ เพื่อการนำไปใช้อย่างถูกต้อง เหมาะสมที่สุด โดยรวบรวมมาให้ถึง 5 ยี่ห้อด้วยกัน แต่จะเป็นการทำความสะอาดแบบไหน มีความน่าสนใจอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลย

5 น้ำยาทำความสะอาดที่ควรซื้อมาใช้งานมากที่สุด

1. น้ำยาดันฝุ่นพื้น DAIWA

ผลิตภัณฑ์แรกเป็นน้ำยาดันฝุ่นที่ช่วยให้ฝุ่นละอองออกไปอย่างหมดจด ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้อง ปาร์เกต์ หินขัด หินอ่อน หรือหินแกรนิตได้เลย พร้อมมอบความสะอาดให้เต็มที่ กลิ่นหอม เพิ่มความเงางามได้ดีเยี่ยม พื้นผิวที่ทำความสะอาดไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานเอง และพื้นผิว ขนาด 3,500 มล. ราคา 426 บาท

2. น้ำยารีฟิลถูพื้น โทมิ สปริงซากุระ

ต่อมาเป็นน้ำยาถูพื้นแบบรีฟิลหรือถุงเอาไปเติมเองได้ ของยี่ห้อโทมิ สปริงซากุระ ที่มีส่วนช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ 99.9% ที่ Hygienic Plus พร้อมจัดการทำความสะอาดพื้นได้อย่างดี แห้งไวมาก 25 วินาทีเท่านั้น ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะกวนใจ โดยที่สามารถใช้งานทั้งพื้นหินอ่อน พื้นหินแกรนิต พื้นผิวทั่วไป พื้นไม้ ขนาด 750 มล. ราคาถุงละ 30 บาท

3. แวกซ์เคลือบพื้น SHINY WAX

เป็นอีกยี่ห้อที่ไม่ควรพลาดไปกับแวกซ์เคลือบพื้น SHINY WAX ที่เป็นสูตรน้ำแห้งไว ให้ความเงางามอย่างดีและไม่ทิ้งความเนหนียวเหนอะหนะด้วย ช่วยปกป้องพื้นผิวในบ้านอย่างดี ยืดอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ใช้ได้ทั้งพื้นหินอ่อน กระเบื้องยาง หินขัด พื้นไม้ กระเบื้องเคลือบ ปาร์เกต์ ฯลฯ ขนาด 1 ลิตร ราคา 350 บาท

4. น้ำยาขจัดคราบฝังแน่นห้องน้ำ FARCENT

น้ำยาล้างห้องน้ำที่ช่วยจัดการคราบฝังแน่นภายในพื้นห้องน้ำได้ดี คราบเหลืองสกปรกที่ยาแนวกระเบื้อง หรือคราบเหลืองในโถส้วม เอาแปรงมาขัดถูกก็หาย กลิ่นไม่ฉุน เพิ่มความสะอาดมากขึ้น และใช้งานง่ายขึ้นไม่ต้องทิ้งไว้ข้ามคืน ขนาด 900 มล. ราคา 31 บาท (เฉพาะทางออนไลน์)

5. น้ำยาเก็บฝุ่นและเคลือบเงา SWASH พิงค์ลิลลี่บูเก้

ปิดท้ายกันที่อีกน้ำยาช่วยทำความสะอาดที่มาในรูปแบบถังแกลลอน ช่วยเก็บฝุ่นละอองตามพื้นได้ดี ให้ความหอมสดชื่น เพิ่มความสะอาด เคลือบผิวสะท้อนเป็นประกายเงางาม แห้งไว เหมาะกับพื้นลามิเนต หรือพื้นปาร์เกต์ ขนาด 4,000 มล. ราคา 599 บาท

และทั้งหมดนี้ก็เป็นความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาดที่เราอยากแนะนำให้ได้รู้จัก เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการนำไปใช้งานได้ตอบโจทย์ประเภทงานทำความสะอาดมากที่สุด ซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายนำไปใช้ได้ตามพื้นต่าง ๆ ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง ซึ่งหากใครได้ลองใช้งานแล้วได้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรอยากมาเล่าสู่กันฟังก็ทำได้เลย เรายินดีเป็นอย่างมาก
#237


ใครที่กำลังมองหาน้ำยาประสานคอนกรีต – กันรั่วซึมอยู่ แต่ไม่รู้จะเลือกประเภทไหนไปใช้ดี ไม่รู้ว่าคุณสมบัติที่น่าสนใจอะไรบ้าง เพื่อการนำไปใช้อย่างเหมาะสมรีบตามเรามาทางนี้เลย เพราะเราได้รวบรวมมาแนะนำด้วยกันถึง 4 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคยกันดีหรือไม่ ไปติดตามได้เลย

แนะนำ 4 ผลิตภัณฑ์น้ำยาประสานคอนกรีต – กันรั่วซึม

1. น้ำยาช่วยประสานคอนกรีตตราช่างใหญ่ FLEX-77

มีส่วนช่วยในการประสานหรือยึดเกาะคอนกรีตระหว่างของเก่าและของใหม่ สร้างความแข็งแรง ทนทานต่อมลภาวะต่าง ๆ ได้อย่างดี ช่วยเพิ่มความต้านทานแรงดัด ป้องกันการแตกร้าวได้ดีมากด้วย เหมาะกับการใช้ในงานปูกระเบื้อง งานฉาบ หรือเททับคอนกรีตใหม่บนพื้นเดิม ปรับระดับพื้น ไม่ทำให้ปูนหลุดร่อน พร้อมกันซึมได้ดีไปอีก มีขนาด 5 กก. ราคา 1,039 บาท

2. น้ำยาผสมกันรั่วซึม ตราจระเข้ ADMIX PROOF

ต่อกันที่น้ำยากันซึมตราจระเข้ ADMIX PROOF ที่สามารถผสมกับพื้นปูนป้องกันการรั่วซึมได้ เพิ่มคุณสมบัติการซึมได้ดี ลดปริมาณน้ำที่ใช้ผสมพื้น ทำให้พื้นปูนคอนกรีตแน่นหนามากขึ้น ทำให้คอนกรีตมีกำลังมากขึ้น เหมาะกับงานโครงสร้างคอนกรีตที่สัมผัสน้ำโดยตรง อย่าง บ่อเก็บน้ำ ห้องน้ำ หรือสระว่ายน้ำ ไม่ทำให้คอนกรีตแตกร้าว หรือแห้งแล้วจะหดตัว หรือแข็งตัว มีขนาด 5 ลิตร ราคา 168 บาท

3. น้ำยาช่วยประสานคอนกรีต LANKO 751

ต่อมาเป็นผลิตภัณฑ์ของ LANKO 751 ที่ช่วยประสานคอนกรีต เพิ่มความสามารถในการยึดเกาะของเก่าและของใหม่ได้ดี ลดการหดตัว รอยแตกร้าวที่พื้น ไม่ทำให้รั่วซึม และยังช่วยขัดสี นอกจากนี้ยังป้องกันชิ้นงานหลุดร่อน หรือผสมปูนเพื่อป้องกันการแตกร้าวได้ด้วย เหมาะกับการนำมาใช้งานอย่างที่สุด โดยมีขนาด 1 ลิตร ราคา 213 บาท

4. น้ำยาผสมคอนกรีตกันรั่วซึม BESBOND

ปิดท้ายกันที่ผลิตภัณฑ์น้ำยาผสมคอนกรีตกันรั่วซึม BESBOND ที่มีส่วนช่วยลดปริมาณน้ำที่ใช้ในการผสมคอนกรีตหรือซีเมนต์ได้ดี ทำให้มีความหนาแน่นมากขึ้น ช่วยเพิ่มกำลังให้แข็งแรง ช่วยกันรั่วซึม ไม่ว่าจะเป็นคอนกรีต หรือปูนฉาบ ลดรูพรุนที่มาจากการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอได้ดี เหมาะกับงานที่สัมผัสน้ำโดยตรง เช่น บ่อเก็บน้ำ สระว่ายน้ำ หรือห้องน้ำ โดยมีขนาด 5 ลิตร ราคา 258 บาท

และทั้งหมดนี้ก็เป็นบรรดาผลิตภัณฑ์น้ำยาประสานคอนกรีต – กันรั่วซึมที่น่าสนใจ พร้อมให้คุณซื้อไปใช้งานตอบโจทย์มากที่สุด กระนั้นอยากแนะนำให้อ่านและปฏิบัติตามวิธีการใช้งาน ข้อแนะนำ และคำเตือนต่าง ๆ ที่ระบุไว้ข้างบรรจุภัณฑ์ให้ละเอียด เลือกใช้งานให้ถูกต้อง ทั้งนี้ ต้องระวังในเรื่องการจัดเก็บที่ให้พ้นมือเด็ก สัตว์เลี้ยง และอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม ห้ามดัดแปลง แก้ไข และใช้สินค้าผิดประเภท หวังว่าการประสานคอนกรีต การกันรั่วซึมจะผ่านไปได้ด้วยดีมีประสิทธิภาพขั้นสุด
#238


ใครจะรู้ว่าโต๊ะทำงานนั้นส่วนใหญ่มีความสกปรกมากกว่าฝารองนั่งชักโครกมากถึง 400 เท่า และก็มีบางคนที่นั่งทานอาหารที่โต๊ะทำงานโดยไม่ทำความสะอาดหลังกินเสร็จด้วย ส่งผลให้เกิดสิ่งสกปรกมากมาย ยิ่งช่วงนี้โควิด–19 กำลังระบาดหนักยิ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงติดเชื้อได้ ดังนั้น การจัดโต๊ะให้เหมาะสมถูกหลักจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม

หลักการจัดโต๊ะทำงานให้ถูกสุขลักษณะที่สุด

จากผลวิจัยที่ผ่านมาพบว่าบนโต๊ะที่ใช้ทำงานของเรานั้นมีแบคทีเรียมากกว่า 10 ล้านตัว โดยที่ 7,500 ตัว ซุกซ่อนอยู่ที่คีย์บอร์ด ซึ่งแบคทีเรียที่มีเกิดมาจากมนุษย์เรานี้เอง ที่แม้จะทำความสะอาดแล้วแต่โอกาสที่แบคทีเรียจะกลับมาก็มีสูงภายในไม่กี่วัน โดยเฉพาะช่วงโควิด–19 ที่แพร่กระจายไวมาก ๆ การดูแลจัดโต๊ะให้ถูกสุขลักษณะจึงสำคัญที่สุด

1. จัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม

หากเป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์การวางจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ในระดับสายตา ระยะห่างจากจอควรอยู่ที่ 0.4 – 0.50 เมตร ส่วนคีย์บอร์ดและเมาส์นั้นจะอยู่ในระดับต่ำลงเล็กน้อย ขณะที่มีการพิมพ์งานก็ไม่ต้องยกไหล่ หรืองอหลังต่ำเกินไป

2. ควรมีแสงสว่างให้เพียงพอ

สิ่งต่อมาที่เราสามารถจัดการให้ถูกสุขลักษณะได้อีกก็คือการเพิ่มแสงสว่างให้เพียงพอ โดยให้เลือกโคมไฟที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ๆ ปรับทิศทางได้ รวมถึงใช้แสงอ่อน ๆ เป็นการถนอมสายตาของเราได้ดีมากขึ้น

3. เก้าอี้ที่มีควรเหมาะกับโต๊ะ

แม้จะเป็นโต๊ะธรรมดา หรือโต๊ะปรับระดับได้ก็ตาม ยังไงก็ต้องมีการใช้งานคู่กับเก้าอี้ สิ่งที่สำคัญคือการเลือกให้เหมาะสม โดยที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการนั่ง ปรับเก้าอี้ให้สูงเหมาะกับโต๊ะทำงาน อย่าให้ขาลอย หากขาลอยก็เอาอะไรมาหนุนเท้าไว้

4. ทำความสะอาดโต๊ะ

สุดท้ายก็คือการทำความสะอาดโต๊ะง่าย ๆ โดยเริ่มจากเอาทุกอย่างออกจากโต๊ะแล้วปัดฝุ่น ทำความสะอาดด้วยผ้าแห้ง แล้วใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดมาเช็ดทุกซอกมุม ทิ้งให้โต๊ะแห้งแล้วจัดเก็บของใหม่โดยคัดแยกสิ่งต่าง ๆ ไปตามหมวดหมู่ พร้อมทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ด้วย ปากกาหรือดินสอก็ต้องทำความสะอาดเพราะมือเราต้องสัมผัสเป็นประจำ โดยทั้งหมดนี้ควรทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง

อย่างไรก็ดี ด้วยความที่โควิด–19 กำลังระบาด การทำความสะอาดโต๊ะทำงานอาจจะต้องทำให้ดีมากขึ้นเพื่อลดการแพร่กระจายโรค แนะนำว่าหากเป็นพื้นผิวโลหะให้ใช้เป็นแอลกอฮอล์ 70% ทำความสะอาด แนะนำว่าให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ 3 – 5 นาทีแล้วขึงเช็ดให้แห้งด้วยผ้าที่ซักสะอาดแล้ว เท่านี้การทำงานของคุณก็จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงปลอดภัยห่างไกลโรค
#239


เมื่อพูดถึงเก้าอี้สำนักงานแล้วอีกหนึ่งชิ้นส่วนอย่างลูกล้ออาจมีบางคนที่หลงลืมไปทั้งที่จริงค่อนข้างมีความสำคัญอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นส่วนที่ช่วยให้เราเคลื่อนที่ง่ายมากขึ้น กระนั้นสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ก็คือเรื่องของขนาดและความสามารถในการรับน้ำหนักของลูกล้อ และเพื่อให้การใช้งานเหมาะสม เลือกได้ตรงสเปคเราไม่รอช้ามีมาบอกต่อ

ขนาดและความสามารถในการรับน้ำหนักข้อลูกค้าเก้าอี้สำนักงาน

ต้องอธิบายก่อนเลยว่าแต่ละเก้าอี้ทำงานนั้นจะมีประเภทลูกล้อที่ใช้แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ผู้บริหาร เก้าอี้พนักงานทั่วไป เก้าอี้ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ซึ่งเราควรรู้ว่าเก้าอี้ที่เราจะใช้งานเป็นลักษณะไหน และเมื่อพูดถึงขนาดและความสามารถในการรับน้ำหนักของลูกล้อแล้วนั้นจะมีปัจจัยที่สำคัญที่เราต้องรู้ คือ

- ประเภทของวัสดุที่ใช้ทำลูกล้อ ไม่ว่าจะเป็น ลูกล้อไนลอน ลูกล้อคู่ไฟเบอร์ หรือลูกล้อบอล
- ขนาดของลูกล้อที่ใช้งานว่ามีขนาดเท่าไหร่ เช่น 1 นิ้ว 1.5 นิ้ว 2 นิ้ว โดยที่แต่ละขนาดมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ต่างกันออกไป โดยลูกล้อขนาด 1.5 นิ้ว สามารถรับน้ำหนักได้ 30 กก. เว้นแต่ลูกล้อ 1.5 นิ้ว ที่มีลักษณะเป็นทรงเรียบหรือลูกล้อไฟเบอร์คู่เรียบ จะมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ 20 กก. ต่อล้อเท่านั้น ส่วนลูกล้อที่มีขนาด 2 นิ้วที่ถือว่าใหญ่สุดจะมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ 40 กก. ยกเว้นที่เป็นลูกล้อคู่ไฟเบอร์ หรือทรงเรียบที่จะสามารถรับน้ำหนักได้ 25 กก. ต่อล้อ

อย่างไรก็ตาม ในการใช้งานเก้าอี้ที่สำนักงาน เก้าอี้พนักงาน หรือเก้าอี้คอมพิวเตอร์ใด ๆ แล้วจะต้องคำนึงถึงพื้นผิวสัมผัสด้วย ถามว่าลูกล้อแบบไหนควรใช้กับพื้นผิวลักษณะใด

- เก้าอี้ที่ต้องใช้กับกระเบื้อง = แนะนำให้ใช้ลูกล้อยูรีเทน ไม่ทำให้เกิดรอย ไม่มีเสียงรบกวน
- เก้าอี้ที่ต้องใช้กับพื้นไม้สำเร็จรูป = แนะนำลูกล้อยางธรรมชาติ ไม่ทำให้เกิดรอย ไม่มีเสียงรบกวน
- เก้าอี้ที่ต้องใช้กับงานที่ต้องอยู่ในแล็ป หรืองานช่าง = แนะนำลูกล้อที่ผลิตจากเหล็ก หรือเหล็กเคลือบยูรีเทน และไนลอน ทนทานต่อการกัดกร่อน และอุณหภูมิห้องที่อาจเย็นจัด
- เก้าอี้ที่ต้องใช้กับพื้นพรม = แนะนำลูกล้อยางธรรมชาติ ไม่ทำลายพื้นพรม ไม่เกิดคราบสกปรก

เมื่อมีความสนใจอยากซื้อเก้าอี้สำนักงานอย่ามองข้ามเรื่องของลูกล้ออย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะขนาดและความสามารถในการรับน้ำหนัก รวมถึงพื้นผิวที่ต้องใช้งาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ทำให้การเคลื่อนที่ไปมาของเรามีความคล่องตัวมากขึ้น เกิดความสะดวกสบายมากขึ้นไปอีก ซึ่งหากใครที่จะซื้อใช้งานก็ลองนำไปปรับใช้ดูกันได้เลย
#240


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจอยากใช้งานเครื่องฟอกอากาศ เพื่อลดปัญหามลภาวะในอากาศรูปแบบต่าง ๆ ทั้ง PM 2.5, เชื้อโรค, เชื้อแบคทีเรีย ฯลฯ ซึ่งมีสิ่งหนึ่งที่เราไม่อาจละเลยไปได้ก็คือเรื่องของพื้นที่วางตั้ง กระนั้นมีสิ่งที่เราต้องรู้ด้วยคือพื้นที่ต้องห้าม เพื่อการใช้งานที่ตอบโจทย์มีคุณภาพขั้นสุด แต่จะมีพื้นที่ไหนที่ห้ามวางบ้างเราไปติดตามพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

พื้นที่ต้องห้ามที่ใครจะวางเครื่องฟอกอากาศต้องรู้

1. ไม่ควรวางไว้ที่หัวเตียง

พื้นที่ต้องห้ามแรกที่เราไม่ควรวาง Air Purifier เลยก็คือที่หัวเตียง เพราะเมื่อปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาเราจะหายใจเข้าไปได้ทันที แต่อาจหลงลืมไปบ้างว่าก่อนที่จะปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาเครื่องนี้จะทำหน้าที่ดูดเอาอากาศสกปรกเข้าไปนั่นเอง ซึ่งอากาศนั้นต้องผ่านเรา ทำให้เราก็จะสูดดมเอาฝุ่นเข้าไปเต็ม ๆ

2. วางให้ห่างจากผนัง 10 ซม.

เป็นอีกตำแหน่งที่เราต้องรู้อย่างมากก็คือการที่วางแบบไม่ชิดผนังมากเกินไป ซึ่งไม่ควรทำเลยอย่างยิ่ง เพราะเครื่องจะดูดเอาอากาศจากทุกทิศมาได้ แล้วช่องว่างที่มีก็จะน้อยเกินไปด้วย ทำให้เกิดฝุ่นและคราบสะสมขึ้นที่ผนังได้ ถ้าจะวางจริง ๆ แนะนำให้วางห่างจากผนัง 10 ซม. ดีที่สุด

3. ไม่ควรวางไว้ที่ใต้เครื่องปรับอากาศ

เครื่องกรองอากาศนั้นไม่ควรเอามาวางไว้เลยที่ใต้เครื่องปรับอากาศเพราะเครื่องปรับอากาศจะดูดเอาอากาศบริเวณนั้นเข้าเครื่องอีกที ทำให้เราได้อากาศที่บริสุทธิ์ แต่จริง ๆ แล้วนั้นมีการดูดขึ้นที่สูงกว่านั้น หากเราเอาไปวางใต้เครื่องปรับอากาศเท่ากับว่าอากาศเหล่านั้นจะถูกดูดเข้าไปในเครื่อง ทำให้ไม่มีประโยชน์อะไร แนะนำว่าเอาวางไว้ตรงข้ามกับเครื่องปรับอากาศแทนดีที่สุด

4. อย่าลืมเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศตามกำหนด

แผ่นกรองอากาศถือเป็นสิ่งที่สำคัญแม้จะไม่ได้เป็นตำแหน่งการวางแต่เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงจึงควรใส่ใจด้วย เมื่อเราใช้งานไปสักระยะฝุ่นที่ดูดมาก็ติดที่แผ่นกรอง เราต้องตรวจสอบดี ๆ ว่าฝุ่นหนาแน่นอยู่มากน้อยแค่ไหน สามารถกรองอากาศได้อยู่อีกไหม ถ้าเห็นว่ามีฝุ่นหนาก็รีบเปลี่ยนไส้กรองอากาศทันที หรือไม่รู้จะเปลี่ยนตอนไหนก็เอาเป็นว่าทุก ๆ 6 เดือนเลยดีที่สุด

ใครที่รู้ตัวว่าเข้าข่ายการวางเครื่องฟอกอากาศที่ผิดตำแหน่งไป อย่ารอช้าที่จะปรับเปลี่ยนตำแหน่งการวางใหม่เอาให้เหมาะสมที่สุด เพื่อช่วยให้เกิดผลลัพธ์ด้านสภาพอากาศที่ดีต่อร่างกายเรา ส่วนใครที่ยังไม่เคยมีและกำลังจะมีเชื่อว่าการวางที่ดีตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น