• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่ประสบผลสำเร็จ เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดอย่างนี้

Started by luktan1479, April 06, 2023, 11:51:37 PM

Previous topic - Next topic

luktan1479

ในตอนที่ยังเป็นนักเรียน คนจำนวนไม่น้อยต่างเชื่อเสมอว่าถ้าหากได้ตั้งมั่นเรียน สอบติดแผนกที่ใช่

ยิ่งได้โอกาสได้งานที่ดี ค่าจ้างรายเดือนที่ดี และก็ยิ่งเป็นอาชีพที่คนไหนกันแน่ก็รู้จักตัวอย่างเช่น ข้าราชการ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภูมิใจไปใหญ่ เพราะนอกจากเงินเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีเป็นจำนวนมากพอที่จะเผื่อแผ่


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้สุขสบายยังเป็นอาชีพที่จัดว่า "มีหน้ามีตา" คนไหนก็ต้อนรับกันหมด

แม้กระนั้นในโลกของความจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม มิได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป

รวมทั้งในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการระบุอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะเหตุไร หากสุดท้ายก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ ค่าตอบแทนรายเดือนที่มิได้มากมายก่ายกองอะไร ?"

ปริศนานี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากมายเลย เพราะว่ามันเต็มไปด้วยความคาดหวังที่มีความรู้สึกว่า

"เรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แม้กระนั้นหากทดลองเปลี่ยนเป็นความคิด "ฉันดำเนินการอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันบางทีอาจดูประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แต่ว่าหากคิดๆดูแล้ว มันได้ความเพลิดเพลินใจ มากกว่าการถามแบบแรกเนื่องจากว่าความเป็นจริงของชีวิตเป็น

1. มนุษย์ทุกคนมีความรู้ความสามารถในตัวเอง "ผิดแผก" กันไปเราไม่จำเป็นที่จะต้องเก่งเช่นกันหมด

2. ในรั้วโรงเรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยแม้กระทั่งพวกเราได้เรียนกับคุณครูที่เก่งมากแค่ไหน

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงแค่ความรู้ในรั้วเพียงแค่นั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น เรายังจำเป็นต้องรู้เห็นอีกมาก

ทำความเข้าใจกันอีก ย า ว ลองถูกลองผิดกันอีกมากมายฉะนั้น จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จำต้องดำเนินการสายวิทย์ เรียนสายภาษาจำเป็นต้องปฏิบัติงานสายภาษา มันก็ไม่ถูกเสมอไป

3. มันคือเรื่องปกติที่มนุษย์เราจำเป็นจะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

ค่อยๆศึกษา เบาๆปรับพฤติกรรมไป สิ่งที่เรากำลังสนุกในเวลานี้ บางทีอาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่พวกเราเก่งในขณะนี้ ในในอนาคต มันบางทีอาจเป็นเพียงความจำ

เพราะว่าอาจมีหลายต้นเหตุให้คิดมากขึ้น ได้แก่ จำเป็นจะต้องพับโครงงานศึกษาต่อเอาไว้

เพราะเงินไม่พอจำต้องทำงานหาเงินก่อน แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยไปเรียนศิลป์ที่เราชอบ ...

พวกเราต้องดูจังหวะของชีวิตด้วย (สิ่งที่มีความต้องการของชีวิตแต่ละช่วง


4. สิ่งที่เราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันเป็น "การหล่อหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนเราทางตรง แต่ว่าให้พวกเราค่อยๆซึมซับจุดเด่นแต่อย่างไปเอง ได้แก่ ฝึกความอดทน, ฝึกฝนความละเอียดลออ,

ฝึกหัดความถนัดการเข้าสังคมในกาลครั้งหนึ่งที่เรามองไม่เห็นคุณประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง พอเพียงโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ต้องมีบ้างแหละที่เราคิดอะไรขึ้นมาจนถึงจะต้องไปหา อ่ า น ปัดฝุ่นตำราอีกที

ทุกความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยเสียเปล่า แค่เราไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกดูให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราต้องมีหนทางให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตัวเองจนกระทั่งเกินความจำเป็น ดังเช่นว่า ถ้าเกิดวุฒิที่เราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำลงยิ่งกว่านี้หางานไปก่อน?

ถ้าเกิดเราไม่ได้อาชีพนี้ พวกเรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่สมควรเป็นสิ่งที่ได้ราวกับใจในทันทีทันใดมันเป็นเรื่องธรรมดามากมายๆที่จำต้องแลกเปลี่ยนกับความอ่อนแรง

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดถ้าจะพบว่าเพราะเหตุไร ห ม อ

บางบุคคลถึงแต่งเพลงได้?

ทำไมบางคนเรียนวิชาชีพแต่ว่ามาเป็นศิลปิน?

เพราะเหตุไรบางคนเรียนไม่จบแต่ว่าไปถึงเป้าหมาย?

หากยังไม่เข้าในข้อนี้ ทดลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกรอบขึ้นชื่อว่า "วิชาความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีทันใดก็ไม่ควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้ตัวดีไหมว่าทำอะไรอยู่?" และก็

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกเหตุการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกเรากลม และมีหลายมิติ ใช่ว่าควรต้องมองดูเพียงด้านเดียว
ทำงานไม่ตรงสาย
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/