• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by dsmol19, April 04, 2023, 01:36:34 PM

Previous topic - Next topic

dsmol19

1. เพราะเหตุว่าพวกเรามิได้เกิดมาเพื่อปฏิบัติงานอย่ างเดียว

เราไม่ได้ดำเนินงานแล้วแฮปปี้ทุกๆวัน บ่อยที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แม้กระนั้นถ้าพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราถูกใจจะก่อให้ร่าเริงแจ่มใสขึ้น แล้วก็ เพิ่มความเชื่อมั่น เนื่องจากว่าการเฟลจากที่ดำเนินการส่วนมากมักทำให้พวกเราท้อแท้ใจ และก็ขาดความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเองในตนเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และก็ อีกเยอะแยะ


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย จริงจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในตอนนี้ดำเนินงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งถึงบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับพนักงานประจำตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่เราเคารพที่สุดในสถานที่ทำงานก็น่าจะหนีไม่พ้นเจ้านาย ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยต่างๆนาๆ อย่ างตัวเราเคยพบในขณะที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานหนัก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำการทำงาน รอสั่งคนนู่นทีคนนี้ที แม้กระนั้นพอใช้มองดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แม้กระนั้นคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมายไม่ได้ยังไง เพราะอะไรน่ะหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพด้วย หนำซ้ำอาจจะพาลกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้แนะนำก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดีกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนอัลธพาลบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ าเห็นว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองดูในมุมที่ว่าถ้าเกิดพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานตรงไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

มิได้อย ากอยู่มืดค่ำๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากปฏิบัติงาน ก็อย ากไปเที่ยวเช่นกันนั่นแหละ แต่ว่าแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกดู

เพียงแค่พวกเราเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจะต้องเอางานพวกเราไปเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนใดกันที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มาก เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ ามั่นใจในตัวเองเกินไปในโลกออนไลน์

ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แต่ว่าทราบรึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกเหนือจากที่จะดู resume พวกเราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย สหายเราที่เป็น HR การันตีมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกอินเตอร์เน็ต

ของพวกเรานั้นมีผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นพนักงานประจำเต็มตัว เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราเป็นไม่สัมผัสเฟสบุ้คเลย หรือหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหากหัวหน้ามามองเห็นก็ช่างเถอะ


หากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสสถานที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาน้ำที่พด้วย ด้วยเหตุว่า ส่วนใหญ่คนภายในสถานที่สำหรับทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่สำหรับทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่งม ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ทางวิ่งของเรา พอใจ ใส่ใจ แต่... อย่ าเก็บทางวิ่งคนอื่นมาริษยา

ตอนปีให้หลังมานี้ เพื่อนพวกเราผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลแปลงงานไปงานที่ค่าตอบแทนรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตัวเอง ครั้งคราวเราเลื่อนมองหน้าเฟสรวมทั้งแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดี แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีมากกว่าเราหรอกเผลอๆเพื่อนฝูงคนจำนวนไม่น้อยบางครั้งก็อาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่เราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ

โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา ทราบว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร ทราบว่าจุดหมายพวกเราอยากได้อะไร ทราบดีว่าวันนี้พวกเราทำดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็พอเพียงแล้ว แอบดูลู่วิ่งคนอื่นๆบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเราเป็นจริงเป็นจังกับชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่ าเก็บมาใส่ใจจนถึงเป็นกังวลพอเพียง

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งตกอกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้หมายความว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงใจกับใคร แม้กระนั้น... หมายความว่า " พวกเราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสำนักงานหลายๆที่

มีการเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากๆ) จำนวนมากไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้มากมายนี่ห้ามพลาดท่าเลยจ๊ะ มีคนรอซ้ำเยอะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่เป็น... การที่เรามองว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้กล่าวว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝ่าฝืนตนเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความพอใจ

โตมาในสังคมที่ไม่เหมือนกัน การที่เราดูแล้วทราบดีว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะทำให้เราเหนือกว่ามากมายๆเว้นแต่วางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นที่ต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... พวกเราไม่ทราบหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปปฏิบัติงานกับใคร ด้วยเหตุนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีมากกว่าโดนดุตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความหวังจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย แม้เราจะรู้สึกกดดันในการปฏิบัติงานสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านขณะแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะชี้แนะคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า เรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย าคำอธิบายมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันไม่ดีก็พรีเซ้นไปเรื่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยโดนดุด่าช่วงนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าทอตอนอายุ 50 เยอะแยะ ถึงจะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก และก็ อ่อนประสบการณ์ คนส่วนมากพร้อมจะให้อภัยพวกเราเสมอ เพราะฉะนั้น ล้มเหลวเยอะๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างกันระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาสหายใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และก็การหาสหายในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าใด เราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นเท่านั้น และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่แท้ดวงใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากขนาดไหน


นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราคือไปดำเนินการ ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสมาคมหาเพื่อนฝูง ด้วยเหตุนั้นวันๆเราจึงจะพบเพียงแค่สหายร่วมทีม ซึ่งโดยมากแล้วก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องส่วนบุคคลและเรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน รวมทั้งสหายร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบงี้ พวกเรามีความรู้สึกว่ามันเป็นกำไรชีวิต พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ

พูดคุยแลกเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตัวเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนพ้องจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้พบ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความต่างระหว่าง " เพื่อนพ้อง " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นยังไง ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็คงจริง ยุคประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และก็การหาสหายในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน เราจะหาเพื่อนย ากขึ้นแค่นั้น

และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่แท้หัวใจคนนึงในสำนักงานมันย ากแค่ไหน นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราเงินเดือนอย่ างเราคือไปดำเนินงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อน ด้วยเหตุนี้วันๆเราก็เลยจะพบเพียงแค่เพื่อนร่วมทีม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องเฉพาะบุคคลแล้วก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และก็เพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบงี้ เรามีความรู้สึกว่ามันคือผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ พูดคุยเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้พวกเราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าเกิดพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนพ้องจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ลูกจ้างมือโปร "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากไปถึงเป้าหมาย รวมทั้ง เป็นสุข ควรเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ บอกง่ายแม้กระนั้นทำย ากนะ เพราะลูกจ้างมืออาชีพก็คือคนที่ตระหนักได้ว่า " เราถูกจ้างมาด้วยค่าแรงปริมาณหนึ่ง " ซึ่งพูดได้ว่าบริษัทเค้าอยากได้อะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกเปลี่ยนกับค่าตอบแทนนั้นๆ

เราจำต้องทราบดีว่าบริษัทว่าจ้างเรามาทำอะไร และ ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทมุ่งหวังหากอยากได้ความเจริญในหน้าที่ ถ้างานที่ทำอยู่รู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป


ควรหางานที่เราทำแล้วพวกเราสุขสบายรวมทั้งทำเป็นดีเพื่อดึงสมรรถนะของตัวเองออกมาให้สูงที่สุด นอกเหนือจากที่จะทำให้เราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังส่งผลให้เราปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะรู้เองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วพวกเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ หากสุดท้ายพวกเราพบสายอาชีพที่เรารักและอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากมาย

แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าจ้างจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าแรงกระทั่งเหลือเกิน ทุ่มเทได้ แต่ควรมีผลสรุปที่ดีตามออกมาด้วย ดังเช่นได้ปรับค่าจ้างรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา เครือญาติๆบ้ า ง หันกลับไปมองข้างหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ช่วงนี้เค้าเป็นอย่างไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นทุกๆวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าหากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกกับความสบายของบิดามารดา
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/